รอยเตอร์ - วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามกล่าวว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับธนาคาร Credit Suisse และ Citigroup ในการระดมทุนอย่างน้อย 4,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐนอร์ท แคโรไลนา และเป็นทุนในการขยายกิจการของบริษัทในสหรัฐฯ
การประกาศดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัทที่กำลังวางเดินพันครั้งใหญ่กับตลาดสหรัฐฯ ที่บริษัทหวังว่าจะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์เจ้าตลาดและสตาร์ทอัปต่างๆ ด้วยรถ SUV ไฟฟ้า และแบบแผนธุรกิจการให้เช่าแบตเตอรี่ของบริษัท
วินกรุ๊ประบุในคำแถลงว่าบริษัทได้แต่งตั้งให้ Credit Suisse จัดการเรื่องหลักทรัพย์ในต่างประเทศเพื่อระดมทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สำหรับบริษัทวินฟาสต์ หรือบริษัทในเครือทั่วโลก ขณะที่ Citigroup Global Markets เป็นที่ปรึกษาการทำธุรกรรมในมูลค่าที่เท่ากัน
ข่าวเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนนี้มีขึ้นหลังบริษัทวินกรุ๊ป เจเอสซี (Vingroup JSC) ที่เป็นบริษัทแม่ของวินฟาสต์ ระบุเมื่อต้นปีว่าการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของวินฟาสต์นั้นอาจล่าช้าไปจนถึงปีหน้าเนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด
วินกรุ๊ปเป็นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีมูลค่าตลาดที่ 11,400 ล้านดอลลาร์ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งในด้านค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และรีสอร์ต และก่อตั้งวินฟาสต์ขึ้นในปี 2560 โดยเริ่มจากการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ที่ออกวิ่งในท้องถนนครั้งแรกใน 2 ปีถัดมา ก่อนที่บริษัทจะปรับเปลี่ยนเป้าหมายไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในปี 2564
วินฟาสต์กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกสำหรับตลาดต่างประเทศและเปิดเครือข่ายโชว์รูมในสหรัฐฯ และยุโรป
สำหรับโรงงานที่นอร์ท แคโรไลนา บริษัทวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเบื้องต้นที่ 150,000 คันต่อปี และบริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะสร้างงาน 7,500 ตำแหน่งที่โรงงานดังกล่าว โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มการผลิตภายในปี 2567
บริษัทกล่าวว่ามีกำหนดเปิดโชวร์รูมในต่างประเทศแห่งแรกในแคลิฟอร์เนียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รวมถึงแฟลกชิปสโตร์ในซานตา โมนิกา
สำหรับโครงการโรงงานนอร์ท แคโรไลนา บริษัทยังแสวงหาการสนับสนุนด้านการเงินจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านกองทุนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
แม้ว่าบริษัทจะเริ่มต้นไม่ราบรื่นนักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผู้เล่นหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่วินฟาสต์ได้รับการสนับสนุนจากซัปพลายเออร์ นักวิเคราะห์บางรายและส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหารของไบเดน เนื่องจากมองว่าบริษัทกำลังเติบโตในเวียดนาม
ในปลายเดือน มี.ค. ไบเดนทวีตว่าแผนการลงทุนในสหรัฐฯ ที่วินฟาสต์เพิ่งประกาศไปนั้นเป็นตัวอย่างล่าสุดของยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของเขา.