เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าจะยกเว้นบริษัทต่างชาติ สถานทูต และองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ จากคำสั่งใหม่ที่กำหนดให้ต้องแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ได้รับในประเทศเป็นเงินท้องถิ่น ธนาคารกลางระบุวันนี้ (21)
เศรษฐกิจของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้อยู่ในความโกลาหลนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.2564 โดยกองทัพพยายามที่จะควบคุมเงินสดสกุลเงินต่างประเทศที่ขาดแคลนให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
คำสั่งของธนาคารกลางประกาศไว้เมื่อต้นเดือน เม.ย. และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยบรรดาหอการค้าต่างชาติ รวมถึงสถานทูตที่ระบุว่า จะเพิ่มความยากลำบากในการทำธุรกิจ เนื่องจากคำสั่งกำหนดให้ต้องแลกเงินภายใน 1 วันหลังจากได้รับ
ในวันนี้ (21) ธนาคารกลางกล่าวว่า บริษัทต่างชาติ สถานทูต และเจ้าหน้าที่ของพวกเขา สหประชาชาติและพนักงานของหน่วยงาน องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ตลอดจนสายการบินของรัฐและเอกชนจะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดนี้
เงินจ๊าตของพม่าอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นับตั้งแต่กองทัพทำให้ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์โกลาหลวุ่นวายจากการโค่นล้มรัฐบาลของอองซานซูจี
ธนาคารกลางได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1,850 จ๊าตต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในตลาดมืด เงินดอลลาร์ถูกซื้อขายมากกว่า 2,000 จ๊าต
ปัญหาไฟฟ้าดับตามเมืองใหญ่ที่รัฐบาลทหารกล่าวโทษเรื่องราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มผู้เห็นต่างต่อต้านรัฐประหาร ยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร
ในเดือน ม.ค. ธนาคารโลกคาดการณ์การเติบโตของพม่าเพียงแค่ 1% ในปีนี้จนถึงเดือน ก.ย.2565
นักลงทุนแห่มาที่พม่าหลังจากกองทัพคลายการกุมอำนาจในปี 2554 ปูทางไปสู่การปฏิรูปประชาธิปไตยและการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีประชากรมากกว่า 50 ล้านคน
แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กดดันบริษัทต่างชาติให้ทบทวนกิจกรรมของพวกเขาในพม่าหลังจากการรัฐประหารและการปราบปรามที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่นระบุว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,700 คน
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอย่างบริษัทโททาล เอเนอร์ยีส์ และบริษัทเชฟรอน บริษัทเทเลนอร์ ของนอร์เวย์ และบริษัทคิรินของญี่ปุ่น ต่างประกาศแผนถอนตัวจากประเทศ.