รอยเตอร์ - รัฐบาลทหารพม่ากล่าวหาว่ารายงานของสื่อต่างชาติมีอคติ รายงานเหตุการณ์ในประเทศอย่างไม่ถูกต้องและกำลังถูกครอบงำด้วยข้อมูลที่บิดเบือนจากผู้ก่อการร้ายที่มุ่งทำลายความมั่นคง
สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) หรือรัฐบาลทหาร ได้ออกคำแถลงที่หาได้ยากที่ระบุว่า สภาบริหารแห่งรัฐเป็นเพื่อนกับสื่อและประชาคมระหว่างประเทศ แต่คนเหล่านั้นกำลังบิดเบือนความพยายามของพวกเขาในการรักษาสันติภาพและปกป้องพลเมืองของตน
“สิ่งที่เราพบว่าน่าหนักใจคืออคติลำเอียงที่ชัดเจนและต่อเนื่องของสื่อต่างชาติบางแห่งที่มีต่อกลุ่มก่อการร้าย สื่อเหล่านี้กำลังทำเช่นนั้นโดยไม่สืบหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ ดูเหมือนผู้ก่อการร้ายครอบงำสื่อต่างประเทศบางส่วนที่รายงานโดยไม่ตรวจสอบ และใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆ ราวกับความจริง” กระทรวงข้อมูลของพม่า กล่าว
พม่าอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปีก่อน โดยมีพลเรือนอย่างน้อย 1,500 คน เสียชีวิตจากกองกำลังความมั่นคง ตามการระบุของนักเคลื่อนไหวที่สหประชาชาติอ้างถึง ซึ่งรัฐบาลทหารกล่าวหาว่ามีอคติเช่นกัน
กองทัพพม่ากำลังต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่เมื่อปีที่ผ่านมาได้เรียกร้องการปฏิวัติทั่วประเทศและพวกเขาถูกรัฐบาลทหารตีตราว่าเป็นกลุ่มผิดกฎหมาย
การรายงานของสื่อของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบนั้นแทบไม่มีปรากฏ แต่กองทัพปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้กระทำการทารุณโหดร้าย
เมื่อวันจันทร์ (28) สภาบริหารแห่งรัฐกล่าวว่ามีผู้ก่อการร้ายถูกจับกุมตัวทั้งหมด 4,338 คน แต่เกือบ 49,000 คน ที่ถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว
ทั้งนี้ สภาบริหารแห่งรัฐไม่ได้กล่าวถึงผู้บาดเจ็บล้มตายในฝ่ายของทหาร แต่กล่าวว่ามีข้าราชการ 95 คน และพระสงฆ์ 20 รูป เสียชีวิต ขณะที่ถนนและสะพาน 525 แห่ง โรงพยาบาล 27 แห่ง โรงเรียนและสถานที่ทางการศึกษา 504 แห่งถูกทำลายระหว่างการโจมตี 9,437 ครั้ง
คำแถลงของสภาบริหารแห่งรัฐไม่ได้กล่าวถึงกระบวนการสันติภาพ ที่ได้ให้คำมั่นไว้กับเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กล่าวว่าจะจัดการเลือกตั้งภายในเดือน ส.ค. ปีหน้า และยังเรียกร้องให้สื่อยอมรับว่าเมืองใหญ่ต่างๆ ทั้งหมดของประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว
เน โพน ลัต สมาชิกอาวุโสของพรรครัฐบาลที่ถูกทหารขับไล่และเป็นตัวแทนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ได้กล่าวปกป้องการทำงานของสื่อมวลชนและกล่าวว่าการต่อต้านทางอาวุธนั้นมีเหตุผล
“ประชาชนอยู่ในสงครามป้องกันตนเองกับสมาชิกของสภาบริหารแห่งรัฐที่จับกุม ทรมาน และสังหารพลเรือนและเผาบ้านเรือนของประชาชน” เน โพน ลัต กล่าวกับรอยเตอร์.