MGR Online - นครหลวงเวียงจันทน์สั่งห้ามจุดประทัด ดอกไม้ไฟ หรือปล่อยโคมลอย ในวันตรุษจีน ใครฝ่าฝืนถูกปรับหนักสูงสุด 5 ล้านกีบ หรือ 1.4 หมื่นบาท
วันนี้ (27 ม.ค.) เจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ ได้ออกคำสั่งเลขที่ 1/จนว. มีเนื้อหาว่า เพื่อรักษาความสงบ ความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม จึงสั่งห้ามมิให้มีการผลิต นำเข้า ขนส่ง ซื้อขาย มีไว้ในครอบครอง และจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และปล่อยโคมลอย ภายในพื้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกองบัญชาการป้องกันชาติ และกองบัญชาการป้องกันความสงบ นครหลวงเวียงจันทน์อย่างเด็ดขาด
หากผู้ใดขัดขืนจะถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด โดยมีอัตราค่าปรับ ดังนี้
• ผู้มีประทัด ดอกไม้ไฟ หรือโคมลอย น้ำหนักรวมน้อยกว่า 1 กิโลกรัม จะถูกปรับเป็นเงิน 500,000 กีบ หรือประมาณ 1,400 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 350 กีบ = 1 บาท)
• ผู้มีประทัด ดอกไม้ไฟ หรือโคมลอย น้ำหนักรวมมากกว่า 1 กิโลกรัม จะถูกปรับเป็นเงินกิโลกรัมละ 500,000 กีบ
• ผู้ที่จุดประทัด ดอกไม้ไฟ หรือปล่อยโคมลอย จะถูกปรับตั้งแต่ 500,000-5,000,000 กีบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคม กองบัญชาการป้องกันความสงบ นครหลวงเวียงจันทน์ ได้มีหนังสือแจ้งการเลขที่ 019/ปกส.นว. เรื่อง การเข้มงวดรักษาความสงบ ความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในช่วงเทศกาลตรุษจีน และตรุษเวียดนาม ปีนี้ จึงได้กำหนดข้อห้าม 4 ข้อ ได้แก่
1.การจัดกิจกรรมต่างๆ ห้ามละเมิดมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
2.ห้ามไม่ให้มีเสียงแตก เสียงดังทุกประเภท ห้ามจุดประทัด ดอกไม้ไฟ ปล่อยโคมลอย หรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อสุขภาพจิต ร่างกาย ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
3.ห้ามเชิดสิงโตขวางทางจราจร และห้ามขับรถเร็วเกินกำหนด
4.ห้ามร้านอาหาร สถานบันเทิงจัดงานที่จะมีผู้มาชุมนุมจำนวนมาก เพื่อฉลองงานส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ของชาวจีน และชาวเวียดนาม และต้องปฏิบัติตามมาตรการของคณะเฉพาะกิจ ควบคุมโควิด-19 นครหลวงเวียงจันทน์
ผู้ที่ละเมิด ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามแต่ความหนักเบาของสถานการณ์
สำหรับวันตรุษจีนและตรุษเวียดนามปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยครอบครัวชาวจีน และเวียดนามจะมีการไหว้บรรพบุรุษและรับประทานอาหารร่วมกันในวันจันทร์ที่ 31 มกราคม ซึ่งตามธรรมเนียมมักมีการจุดประทัด และแห่สิงโตกันในวันนี้
ทุกวันนี้ ภายในนครหลวงเวียงจันทน์ มีทั้งชาวจีน ชาวเวียดนาม รวมถึงชาวลาวเชื้อสายจีน และชาวลาวเชื้อสายเวียดนามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก.