รอยเตอร์ - บริษัทยาสูบบริติชอเมริกัน (British American Tobacco) ประกาศว่าจะยุติการดำเนินงานทั้งหมดในพม่า และถอนตัวออกจากพม่าภายในสิ้นปีนี้ ความเคลื่อนไหวที่ถือเป็นบริษัทตะวันตกรายล่าสุดที่จะถอนตัวออกจากประเทศนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเดือน ก.พ.
บริษัทระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากบริษัทได้ประเมินความสามารถระยะยาวของการดำเนินธุรกิจในพม่า
“เหมือนกับบริษัทระดับโลกอื่นๆ เราประเมินการดำเนินงานของเราทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และจากการประเมินความสามารถในการดำเนินกิจการระยะยาวของธุรกิจของเราในพม่า เราได้ตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากประเทศและยุติการดำเนินงานทั้งหมด” บริษัทระบุ
พม่าอยู่ในสถานการณ์โกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่การรัฐประหาร ที่ยุติการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ดำเนินมาได้เพียงทศวรรษ ที่เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดการปกครองของทหารนานครึ่งศตวรรษในปี 2554 และหลายปีของการถูกตะวันตกคว่ำบาตร
แม้บริษัทใหญ่หลายแห่งในพม่าได้แสดงความมุ่งมั่นต่อประเทศในช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังการรัฐประหาร แต่การปราบปรามของกองทัพที่ดำเนินมายาวนานหลายเดือนกับการชุมนุมและผละงานประท้วง และการสังหารพลเรือนมากกว่า 1,000 คน ทำให้หลายบริษัทต้องคิดทบทวน
บริษัทยาสูบบริติช อเมริกัน ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจถอนตัวออกจากประเทศ
บริษัทเริ่มดำเนินกิจการในพม่าในปี 2559 สองปีหลังรัฐบาลกึ่งพลเรือนภายใต้การนำของนายพลเกษียณอายุ ที่เริ่มดำเนินการปฏิรูปเพื่อดึงดูดนักลงทุน
เศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศในเวลานี้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ด้วยเงินจ๊าตอ่อนค่าลงมากกว่า 60% ในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงพุ่งสูง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะหดตัวลง 18% ในปีนี้
สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา และสหภาพยุโรป ตอบสนองการรัฐประหารด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่เจาะจงไปยังทหารและเครือข่ายผลประโยชน์ทางธุรกิจของกองทัพ.