รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางพม่ากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่กองทัพแต่งตั้งมีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตค่าเงินของประเทศ โดยค่าเงินจ๊าตมีเสถียรภาพขึ้นและพยายามรักษาให้ราคาอยู่ภายใต้การควบคุม
เงินจ๊าตอ่อนค่าลงถึง 60% ในเดือน ก.ย. ที่ส่งผลให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้นในเศรษฐกิจเปราะบางที่ถดถอยลงตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และคาดว่าจะหดตัวเฉลี่ยตัวเลข 2 หลักในปีนี้
วิน ตอ รองผู้ว่าการธนาคารกลางพม่ากล่าวกับเอเอฟพีว่า กฎเกณฑ์ในสัปดาห์นี้ที่กำหนดให้ผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศส่วนเกินให้ธนาคารภายใน 30 วันหลังจากได้รับเงินกำลังช่วยเพิ่มอุปทานและทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนลดลง
“อัตราแลกเปลี่ยนกำลังลดลงถึงสิ่งที่ควรเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ ช่วงเวลาจำกัดดังกล่าวจะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนลดลง” วิน ตอ รองผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าวทางโทรศัพท์ อ้างถึงข้อกำหนด 30 วัน
พม่าไม่ได้เปิดเผยระดับของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่ข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่า พม่ามีเงินสำรองคงคลังเพียง 7,670 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2563 ก่อนการรัฐประหารในเดือน ก.พ.
ราคาสินค้าที่ถีบตัวพุ่งสูงมีประวัติเคยเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลทหารในพม่า ที่ราคาก๊าซหุงต้มเป็นหนึ่งในชนวนเหตุให้เกิดการปฏิวัติผ้าเหลืองที่นำโดยพระสงฆ์ในปี 2550
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเกิดจากปัญหาภายนอกและการระบาดของโควิด-19
ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารกล่าวว่าธนาคารกลางไม่สามารถตอบสนองความต้องการธนบัตรดอลลาร์ของท้องถิ่นได้
วิน ตอ กล่าวว่า เขาหวังว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. จะช่วยได้
“หากมีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น ราคาดอลลาร์จะไม่สูงขึ้นอีก และจะค่อยๆ ลดลงกลับสู่อัตราปกติ” วิน ตอ กล่าว
ธนาคารได้พยายามพยุงค่าเงินจ๊าตในเดือน ส.ค. แต่ต้องเลิกล้มไปเนื่องจากทานแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนที่พุ่งขึ้นไม่ไหว
ในช่วงต้นเดือน ก.ย. อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1,696 จ๊าตต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และพุ่งขึ้นเป็นประมาณ 2,700 จ๊าต เมื่อวันที่ 27 ก.ย. เทียบกับ 1,395 จ๊าต ก่อนการรัฐประหารในเดือน ก.พ. และในสัปดาห์นี้ ตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตขายดอลลาร์อยู่ที่ 2,200-2,300 จ๊าต.