ซินหวา - โรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายในกัมพูชา เริ่มเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งตั้งแต่วานนี้ (15) หลังประชากรส่วนใหญ่ของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ที่โรงเรียนมัธยมพระสีสุวัต ในกรุงพนมเปญ เด็กนักเรียนที่สวมหน้าอนามัยทยอยเดินเข้าโรงเรียน พวกเขาได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่บริเวณประตูทางเข้าโรงเรียน
“เราปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด และจำกัดจำนวนนักเรียนในห้องไม่เกิน 15 คน เพื่อรักษาระยะห่าง นักเรียนแต่ละคนต้องนั่งห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร” รองครูใหญ่ของโรงเรียนพระสีสุวัต กล่าว
คุน โสเพียก นักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กล่าวว่า เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้งหลังโรงเรียนปิดนานเกือบ 7 เดือนเนื่องจากโควิด-19
นักเรียนหญิงรายนี้ระบุว่า เธอรู้สึกโล่งใจที่ได้กลับเข้ามาเรียนในห้อง เพราะการเรียนออนไลน์จากที่บ้านทำให้เธอรู้สึกเครียด เนื่องจากบรรยากาศการเรียนไม่เหมือนกับการนั่งเรียนในห้องเรียนกับคุณครูและเพื่อนร่วมห้อง
“ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาณอินเทอร์เน็ตค่อนข้างช้าและบางครั้งก็หยุดนิ่ง ทำให้พลาดบทสนทนาไปบางส่วน” คุน โสเพียก กล่าว และเธอระบุว่าได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
กัมพูชา ประเทศที่มีประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ 10 ล้านคนตั้งแต่เดือนก.พ. และวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี เกือบ 2 ล้านคน ในเดือนส.ค.
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจนถึงปัจจุบันมีชาวเขมรวัยผู้ใหญ่ 9.77ล้านคนและวัยรุ่น 1.71ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วโดยวัคซีนที่ใช้สร้างภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่เป็นวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน
“หากปราศจากการสนับสนุนของจีน เราจะไม่มีวัคซีนเพียงพอให้กับประชาชนของเราอย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน กล่าวเมื่อไม่นานนี้ และเสริมว่ากัมพูชารู้สึกซาบซึ้งต่อความช่วยเหลือของจีนในการช่วยกัมพูชาต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการกล่าวในคำแถลงว่า ครูและนักเรียนต้องได้รับการฉีดวัคซีนและต้องแสดงบัตรฉีดวัคซีนก่อนเข้าโรงเรียน
“ครูผู้สอนและนักเรียนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าเขตโรงเรียน แต่พวกเขาสามารถสอนและเรียนทางออนไลน์ต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น ชั้นเรียนหรือโรงเรียนจะถูกปิดชั่วคราว” รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการระบุ
ด้านผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำกัมพูชาได้กล่าวยินดีกับการเริ่มเปิดโรงเรียนอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม
“สิ่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเด็กเล็กและโรงเรียนไม่ใช่ปัจจัยหลักของการแพร่เชื้อโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงในกัมพูชา เมื่อเด็กติดเชื้อไวรัส โอกาสที่พวกเขาจะมีอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตนั้นน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่อยู่มาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุ” ผู้แทน WHO กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม การปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลายาวนานส่งผลกระทบเชิงลบ ทั้งการสูญเสียกิจกรรมทางกายภาพ สุขภาพจิต และการเรียนรู้ ตลอดจนเป็นภาระเพิ่มเติมต่อผู้ปกครองที่ทำงาน
ด้านผู้แทนของกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ในกัมพูชา กล่าวถึงการเปิดโรงเรียนว่าเป็นผลจากความคืบหน้าอย่างเหลือเชื่อในการดำเนินการฉีดวัคซีนของรัฐบาลกัมพูชา
“ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดของคือเด็กๆ จะไม่กลับไปโรงเรียน หลักฐานทั่วโลกแสดงให้เห็นว่ายิ่งเด็กๆ อยู่นอกโรงเรียนนานขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะกลับไปโรงเรียนก็จะน้อยลง พวกเขาอาจรู้สึกว่าพวกเขาล้าหลังเกินกว่าจะตามทัน หรือครอบครัวของพวกเขาอาจพึ่งรายได้เสริมที่เด็กๆ ทำงานมาได้ หากยิ่งล่าช้า อุปสรรคเหล่านี้ก็ยิ่งขยายตัวขึ้น” ผู้แทนยูนิเซฟ กล่าว
ผู้แทนยูนิเซฟกัมพูชาแนะนำว่าควรเปิดโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำก่อน จำกัดขนาดห้องเรียน และมุ่งเน้นมาตรการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อส่วนใหญ่ได้.