MGR Online - ที่ประชุมร่วมผู้บริหาร “บ่อแก้ว-ท่าขี้เหล็ก” มีมติเด็ดขาด แรงงานพม่าในสามเหลี่ยมทองคำต้องทำตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของลาว คนที่อยากกลับบ้านต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ ส่วนผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาจากฝั่งลาวจนหายก่อน จึงจะข้ามโขงได้
ความคืบหน้าสถานการณ์แรงงานชาวพม่าที่อยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว หลังเกิดการเดินขบวนประท้วงเมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม เนื่องจากไม่พอใจต่อมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดนั้น
ในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม ที่สโมสรเมืองต้นผึ้ง ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างองค์กรบริหารแขวงบ่อแก้ว กับจังหวัดท่าขี้เหล็ก รัฐชาน โดยตัวแทนแขวงบ่อแก้วประกอบด้วย เคื่อนเพ็ด วงจัน รองเจ้าแขวงบ่อแก้ว และคำแยง คอนไซยะกิด เจ้าเมืองต้นผึ้ง ตัวแทนฝั่งท่าขี้เหล็กมี พลจัตวามินมินทูน ผู้บัญชาการทหารท่าขี้เหล็ก อู มิ่นไหน่ ผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก และอู ติ่นอูจ่อ หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขท่าขี้เหล็ก พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ฝั่ง
รองเจ้าแขวงบ่อแก้วชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อที่ประชุม โดยให้รายละเอียดว่า ที่ผ่านมาแขวงบ่อแก้วให้ความสำคัญต่อแรงงานชาวพม่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และปฏิบัติต่อแรงงานเหล่านี้ไม่แตกต่างจากประชาชนลาว แต่หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว แรงงานเหล่านี้จึงว่างงาน ขาดรายได้ และประสบปัญหาในการดำรงชีพ
ไม่นานมานี้ แรงงานจำนวนหนึ่งได้เรียกร้องขอเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนที่ฝั่งพม่า แต่ไม่ต้องการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลาวได้กำหนดไว้ คือต้องผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 และกักตัวเป็นเวลา 14 วันก่อน จึงสามารถเดินทางกลับไปยังพม่าได้ ข้อเรียกร้องนี้ทำให้สถานการณ์เกิดความยุ่งยาก และบานปลาย จนกลายเป็นการประท้วง
ที่ประชุมได้มีข้อสรุปว่า ให้จังหวัดท่าขี้เหล็กทำหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการถึงแรงงานชาวพม่าทุกคนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการป้องกันโควิด-19 ของลาวอย่างเข้มงวด
สำหรับแรงงานที่ต้องการเดินทางกลับทุกคนต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อน หากผลตรวจเป็นลบ ให้เดินทางข้ามแม่น้ำโขงกลับทันทีในวันรุ่งขึ้น แต่หากรายใดที่ผลตรวจออกมาเป็นบวก ต้องได้รับการรักษาจากทางฝั่งลาวจนหายดีแล้วจึงค่อยส่งตัวกลับ โดยการจัดส่งแรงงานจากฝั่งลาวข้ามแม่น้ำโขงไปยังท่าขี้เหล็ก ให้จำกัดจำนวนไว้ไม่เกินครั้งละ 200 คน
ก่อนหน้านี้ นับแต่วันที่ 31 กรกฎาคมคมเป็นต้นมา แรงงานชาวพม่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต่างทยอยเดินทางข้ามแม่น้ำโขงจากท่าเรือเมืองมอม ฝั่งเมืองต้นผึ้ง มายังท่าเรือบ้านโป่ง ฝั่งท่าขี้เหล็ก เพื่อต้องการกลับบ้าน
จังหวัดท่าขี้เหล็กได้จัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้แรงานเหล่านี้ ประกอบด้วย หน่วยตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่ท่าเรือบ้านโป่ง หากตรวจพบผู้ป่วยจะถูกส่งไปรักษาตัวยังศูนย์โควิด-19 ในท่าขี้เหล็ก ส่วนผู้ที่ผลตรวจเป็นลบจะถูกกักตัวไว้ก่อน 14 วัน จากนั้นได้เตรียมรถไว้สำหรับขนส่งแรงงานเหล่านี้ไปยังเมืองตองจี
ข้อมูลจากเพจ Shan East News Mandrel ระบุว่าในวันที่ 30 กรกฎาคม มีแรงงานชาวพม่าจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำข้ามกลับมาถึงท่าขี้เหล็ก 33 คน ในนี้ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 คน วันที่ 1 สิงหาคม มีแรงงานกลับมา 221 คน ตรวจพบว่าติดเชื้อ 27 คน และวันที่ 3 สิงหาคม มีแรงงานกลับมา 167 คน ตรวจพบว่าติดเชื้อ 83 คน
หลังมีรายงานว่าแรงงานที่ข้ามกลับมาจากฝั่งลาวติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ทางเมืองต้นผึ้ง และฝ่ายบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ จึงได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจเชื้อโควิด-19 กับแรงงานพม่าที่จะเดินทางกลับบ้าน จนเกิดความไม่พอใจและรวมตัวกันประท้วงเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ก่อนจะมีการประชุมกันระหว่างผู้บริหารจังหวัดท่าขี้เหล็กกับแขวงบ่อแก้ว มีแรงงานเดินทางกลับจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอีก 276 คน ปรากฏว่ายังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 37 คน
ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบใหม่ในท่าขี้เหล็ก เป็นแรงงานที่กลับมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ฝั่งลาว มากกว่าผู้ป่วยที่พบจากภายในท่าขี้เหล็กเอง ในสัดส่วนที่สูงมาก.