เอเอฟพี - อาสาสมัครสวมชุดป้องกันอันตรายสีขาว ขนเปลลงจากรถกระบะที่จอดอยู่ย่านชานนครย่างกุ้ง เพื่อนำผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายล่าสุดไปยังสถานที่ฌาปนกิจ
ไม่มีการจัดพิธีสงฆ์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ขณะที่พม่ากำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายพันคนผละงานประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร
สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ชื่อที่รัฐบาลทหารใช้เรียกตัวเอง ได้รายงานตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันรายใหม่ว่ามีมากกว่า 4,300 คนในวันเสาร์ (10) เพิ่มขึ้นจากที่เคยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 50 คนต่อวันในช่วงต้นเดือน พ.ค.
“ก่อนหน้านี้ ผู้คนหวาดกลัวที่เห็นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินสวมชุดป้องกัน แต่ตอนนี้พวกเขามองหาพวกเรา สถานการณ์เปลี่ยนไป” ตุน ข่าย หนึ่งในอาสาสมัครในเมืองเหล่กู ทางเหนือของนครย่างกุ้ง กล่าวกับเอเอฟพีเมื่อวันเสาร์ (10)
ตุน ข่าย นักธุรกิจที่ใช้นามแฝงในการพูดคุย เป็นสมาชิกของกลุ่มอาสาสมัครท้องถิ่นตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาด และเมื่อปีที่ผ่านมา พวกเขาให้บริการแท็กซี่รับส่งฟรีแก่ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส เพื่อนำตัวผู้ป่วยติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลหรือศูนย์กักกันโรค
เมื่อวันเสาร์ (10) กลุ่มได้เข้ารับศพทั้งหมด 7 ศพ โดยหนึ่งรายมาจากโรงพยาบาลที่ยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ และอีก 6 ศพ ต้องสงสัยว่าเสียชีวิตจากเชื้อไวรัส
ตุน ข่าย และทีมของเขานำศพใส่โลงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่หลังรถกระบะ และขับไปที่เมรุ ซึ่งศพเหล่านี้จะถูกเผาโดยไม่มีพิธีสงฆ์และไม่มีสมาชิกครอบครัวมาเข้าร่วมอย่างที่ปฏิบัติกันในช่วงเวลาปกติในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
“แน่นอนว่าเรากลัวว่าจะติดเชื้อ แต่ความกลัวที่มากไปกว่านั้นคือผู้คนกำลังติดเชื้อและเสี่ยงชีวิต” ตุน ข่าย กล่าว
นอกจากการนำผู้เสียชีวิตไปฌาปนกิจแล้ว ทีมงานยังต้องพยายามหาสถานที่ให้ผู้ติดเชื้อใช้ชีวิต เนื่องจากศูนย์กักกันโรคหลายแห่งหยุดดำเนินการจากความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร ที่การประท้วงในย่างกุ้งและเมืองอื่นๆ เผชิญกับการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมของทหาร
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง รวมทั้งหัวหน้าโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ ถูกรัฐบาลทหารควบคุมตัว มีชาวพม่าเพียง 1.75 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 54 ล้านคน ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ตามการระบุของสื่อของรัฐ
เมื่อเสร็จงาน ตุน ข่าย และทีมของเขาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อให้กันและกัน และเตรียมงานสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในวันต่อไป ซึ่งพวกเขาให้คำมั่นว่าจะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ
“ผู้คนจำนวนมากกำลังจะตายหากเราหยุดทำงานเพราะความกลัวของเรา” ตุน ข่าย กล่าว.