รอยเตอร์ - เวียดนามตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปให้ครอบคลุม 50% ในสิ้นปีนี้ และ 70% ในสิ้นเดือน มี.ค.2565 ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขวันนี้ (9) ขณะที่ทางการประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้มงวดขึ้นในหลายเมือง รวมถึงเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจทางภาคใต้ของประเทศ
หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสได้ในช่วงปีที่ผ่านมา แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามเผชิญกับการระบาดที่ควบคุมได้ยากมากขึ้น ที่ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโครงการฉีดวัคซีน
ในวันนี้ (9) เวียดนามได้เริ่มจำกัดการเคลื่อนไหวในนครโฮจิมินห์ หลังทางการกำหนดมาตรการควบคุมใหม่ในกรุงฮานอย หลังอัตราการติดเชื้อรายวันของประเทศแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกินกว่า 1,000 คน ถึง 4 ครั้งในเดือนนี้
เมื่อต้นสัปดาห์ ประชาชนในนครโฮจิมินห์แห่ออกไปจับจ่ายข้าวของกักตุนก่อนที่ทางการจะเริ่มดำเนินมารตการควบคุมครั้งใหม่ และสื่อของรัฐได้เผยภาพถนนว่างเปล่าในเมืองที่มีประชากร 9 ล้านคน
“การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นมาตรการจำเป็นและสำคัญเพื่อควบคุมโรค และรับประกันการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม” กระทรวงสาธารณสุขระบุในคำแถลง
ส่วนเป้าหมายล่าสุดของรัฐบาลมีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ระบุว่า กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70-75% ของประชากร 98 ล้านคนของประเทศ ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า
กระทรวงระบุว่า ทางการได้บรรลุข้อตกลงและข้อผูกมัดที่จะได้รับวัคซีน 105 ล้านโดส ซึ่งต่ำกว่าตัวเลข 150 ล้านโดสที่รัฐบาลเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
ขณะที่หนังสือพิมพ์ออนไลน์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกใบอนุญาตให้บริษัท Saigon Pharmaceutical Co. นำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน 5 ล้านโดส ทำให้บริษัทท้องถิ่นรายนี้เป็นบริษัทที่ 2 ที่ได้รับอนุญาตให้จัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด
จนถึงขณะนี้ เวียดนามได้รับมอบวัคซีนแล้วประมาณ 6 ล้านโดส โดยส่วนใหญ่เป็นวัคซีนที่ส่งมอบผ่านโครงการโคแว็กซ์ และได้ฉีดให้ประชาชนแล้วเกือบ 4 ล้านโดส แต่มีประชาชนเพียง 250,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ประเทศมีผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมที่ 25,419 คน และมีผู้เสียชีวิต 104 คน.