เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าและชาวบ้านได้กล่าวหากันไปมาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุเพลิงไหม้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคกลางของประเทศ ที่ทำให้บ้านเรือนราษฎรเกือบ 250 หลังถูกเผาวอด
ชาวบ้านของหมู่บ้านคินมา ในเขตมะเกว เผยกับเอเอฟพีว่า กองกำลังทหารของรัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเผาทำลายที่เกิดขึ้น ขณะที่ฝ่ายทหารกล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายและสภาพอากาศลมแรงเป็นสาเหตุ
การชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เผชิญกับการปราบปรามอย่างรุนแรงของทหารและความรุนแรงได้ปะทุขึ้นในหลายชุมชนทั่วพม่า ขณะเดียวกัน ฝ่ายพลเรือนได้ตั้งกองกำลังป้องกันตนเองขึ้นเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร
กองกำลังทหารของรัฐบาลมาที่หมู่บ้านคินมาเมื่อวันอังคาร (15) เพื่อตามล่าสมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเองของท้องถิ่น ชาวบ้านอายุ 48 ปี ที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อบอกกับเอเอฟพี
“ขณะที่ผู้คนพากันวิ่งหนี พวกเขา (ทหาร) ยิงหมู่บ้านด้วยเครื่องยิงจรวด หลังจากนั้นเราเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากหมู่บ้าน เราคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำลายอะไร เราเลยวิ่งหนีออกมาโดยไม่ได้หยิบทรัพย์สินอะไรมาด้วย เราทิ้งทุกอย่างไว้ที่บ้าน” ชาวบ้านรายหนึ่ง กล่าว
“หมู่บ้านมีบ้านอยู่ราว 250 หลัง ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 20 หลัง” ชาวบ้านอีกคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี และเสริมว่า มีสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งที่ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ เสียชีวิตในกองไฟ
“บ้านของผมถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เหลือแค่สังกะสีเท่านั้น” ชาวบ้านกล่าว
ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่นเผยให้เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและซากสิ่งปลูกสร้างที่ไหม้เกรียม สื่อท้องถิ่นยังระบุว่า มีคู่สามีภรรยาสูงอายุเสียชีวิตในกองไฟ
รายงานของรัฐบาลทหารระบุว่า เหตุเพลิงไหม้เริ่มขึ้นหลัง ‘ผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ 40 คน’ เผาบ้านของสมาชิกพรรคการเมืองที่สนับสนุนทหาร
“เพราะกระแสลมทำให้ไฟลุกลามไปติดบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียง ราว 70% ของหมู่บ้านถูกไฟไหม้” ทีมสื่อของรัฐบาลทหารระบุในคำแถลง
ทหารพยายามปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐประหารด้วยการปราบปรามนองเลือดที่ได้สังหารพลเรือนไปมากกว่า 850 คน ตามการระบุของกลุ่มตรวจสอบท้องถิ่น สิ่งนี้ได้กระตุ้นให้พลเรือนในบางเมืองตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง ขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ของพม่าบางกลุ่มได้เพิ่มการโจมตีทหาร
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ให้เหตุผลในการยึดอำนาจโดยอ้างถึงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจีเป็นฝ่ายชนะ.
