รอยเตอร์ - ทางการกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชาเริ่มเข้าควบคุมการรื้อถอนชุมชน ‘บ้านเรือนแพ’ ริมฝั่งแม่น้ำโตนเลสาบตั้งแต่วานนี้ (12) ท่ามกลางการต่อต้านคัดค้านของประชาชนที่กล่าวว่าพวกเขาไม่มีที่อื่นให้ไป
เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน บ้านเรือนแพในกรุงพนมเปญเป็นทั้งการดำรงชีวิตและวิถีชีวิตของครอบครัวชาวเขมรเชื้อสายเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ เป็นที่ตั้งของฟาร์มเลี้ยงปลา และเชื่อมไว้ด้วยสะพานที่สร้างขึ้นจากเสาและเรือขนาดเล็ก
“บรรพบุรุษของเราอยู่ที่นี่มาตลอด” กิธ ดง อายุ 54 ปี กล่าว ขณะที่เขาและญาติๆ ช่วยกันรื้อบ้านที่ประกอบขึ้นด้วยแผ่นไม้และสังกะสีที่ยื่นลงไปในแม่น้ำ ใน อ.แปรกปะนอ ของกรุงพนมเปญ
กิธ ดง ระบุว่า คำสั่งของทางการไม่ได้ให้เวลาครอบครัวของเขามากพอที่จะโยกย้าย
“หากพวกเขาขยายเวลาต่อไปอีกสัก 2-3 เดือน เราก็จะมีเวลาสร้างบ้าน” กิธ ดง กล่าว
เทศบาลนครพนมเปญกล่าวว่า ชุมชนต่างๆ เป็นเหมือนสลัมลอยน้ำที่ดูไม่สวยงามและเป็นสิ่งคุกคามสุขภาพ ที่มีทั้งถุงขยะและสิ่งปฏิกูลของเสียต่างๆ ลอยอยู่ตามบ้านเรือนแพ
“มีบ้าน 316 หลัง ที่เราต้องรื้อถอน สิ่งนี้กระทบต่อความสวยงามของเมืองและสิ่งแวดล้อม ถ้าคุณนั่งเรือ คุณจะได้กลิ่นเหม็นมาก” สี วุทธา หัวหน้าสำนักงานจัดการที่ดิน อ.แปรกปะนอ ที่เข้ากำกับดูแลการรื้อถอน กล่าวกับรอยเตอร์
สี วุทธา กล่าวว่า การรื้อถอนมีวัตถุประสงค์ที่จะทำความสะอาดบ้านเมือง ก่อนที่กรุงพนมเปญจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในปี 2566 ซึ่งสนามกีฬาที่สร้างขึ้นใหม่อยู่ไกลออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร
“มีไวรัสอยู่หลายร้อยตัวที่นี่ เราจะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเห็นประเทศของเราแบบนี้หรือ?” สี วุทธา กล่าว
แต่ผู้อยู่อาศัยกล่าวว่า การปราบปรามเกิดขึ้นเร็วเกินไป และตั้งคำถามว่าทำไมพวกเขาถึงต้องย้ายออกไปขณะที่ยังเหลือเวลามากกว่า 1 ปี ก่อนถึงการแข่งขัน
สี วุทธา ไม่ได้ระบุว่าเหตุใดถึงต้องจัดระเบียบในตอนนี้ และรอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อโฆษกกรุงพนมเปญเพื่อขอความเห็นได้
ดัง วัน จัว อายุ 57 ปี หนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่ย้ายมาจากเวียดนามตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน ระบุว่าครอบครัวของเขาเลี้ยงชีพด้วยการทำฟาร์มปลาในกระชัง แต่ปีนี้ปลายังตัวเล็กมาก ยังไม่สามารถจับขายเพื่อเป็นทุนในการย้ายบ้านได้
“ผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ผมไม่มีที่ดิน” ดัง วัน จัว กล่าว.