MGR Online - ชาวบ้านกังวลกองทัพพม่ากำลังยอมตามข้อเรียกร้อง UWSA สถาปนา “ว้า” ขึ้นเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 เพื่อคานอิทธิพลชาวไทใหญ่ในรัฐชาน เมื่อจู่ๆ ฝ่ายปกครองเมืองสาต ตรงข้ามจังหวัดเชียงใหม่ ออกบัตรประชาชนให้ชาวว้าเกือบ 6 พันคนภายในเดือนเดียว
สำนักข่าวท่าขี้เหล็ก (Tachileik News Agency) มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 23 เมษายน-23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ฝ่ายปกครองจังหวัดเมืองสาต ภายใต้การกำกับของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ที่แต่งตั้งขึ้นโดยกองทัพพม่า ได้ดำเนินการออกบัตรประชาชนให้แก่ชาวว้าที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเมืองสาต 5,912 คน โดยไม่ได้มีการระบุเงื่อนไขใดๆ
ชาวว้าเกือบ 6 พันคนที่ได้รับบัตรประชาชนใหม่รอบนี้ เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน 2,572 หลัง ในพื้นที่เมืองยอน เมืองโต๋น โหป่าง ห้วยอ้อ เมืองจ๊อด ซึ่งเป็นพื้นที่ปกครองตนเองของเขตพิเศษหมายเลข 2 กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ตอนใต้
ปัจจุบันว้ามีพื้นที่ปกครองตนเอง 2 แห่ง ตอนบนเป็นพื้นที่ชายแดนรัฐชาน-จีน ตรงข้ามกับเขตปกครองตนเองชนชาติไต ลาหู่ และว้า เมิ่งเหลียน จังหวัดผูเอ่อร์ มณฑลยูนนาน ครอบคลุม 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโหป่าง เมืองใหม่ ป๋างหวาย นาพาน หมากหมาง และป๋างซางหรือปางคำ ซึ่งเป็นเมืองหลวง ส่วนตอนใต้เป็นพื้นที่จังหวัดเมืองสาต ตรงข้ามกับอำเภอแม่อาย ฝาง และเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ (โปรดดูแผนที่ประกอบ)
การที่กองทัพพม่ามอบบัตรประชาชนให้แก่ชาวว้าเป็นจำนวนมากครั้งนี้ ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐชานภาคตะวันออกหลายคนเชื่อว่า กองทัพพม่ากำลังมีท่าทีโอนอ่อน ผ่อนตามข้อเรียกร้องของกองทัพสหรัฐว้า ที่ต้องการยกระดับอาณาเขตของว้าจากเขตปกครองตนเองขึ้นเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 ของพม่า โดยมีพื้นที่ครอบคลุมภาคตะวันออกของรัฐชานทั้งหมด เพื่อเป็นการคานอิทธิพลกับกองทัพชาติพันธุ์ไทใหญ่
ปัจจุบัน ภาคตะวันออกของรัฐชาน แบ่งโครงสร้างการปกครองเป็น 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงตุง จังหวัดท่าขี้เหล็ก และจังหวัดเมืองสาต แต่หากนับรวมพื้นที่ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวินทั้งหมดแล้ว ต้องรวมดินแดนในเขตพิเศษหมายเลข 2 สหรัฐว้าตอนบน และเขตพิเศษหมายเลข 4 เมืองลาเข้าไปด้วย
ซึ่งหากกองทัพพม่ายอมยกระดับพื้นที่ว้าเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 จริง จังหวัดท่าขี้เหล็ก และจังหวัดเชียงตุง ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ ไตลื้อ ไตยอง และไตขืน ก็ต้องถูกโอนไปขึ้นกับรัฐว้า
“ว้า” หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “ลัวะ” หรือ “ละว้า” เป็นชนชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนตอนเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตั้งรกรากเป็นเมืองต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือของไทย ลาว รัฐชาน และตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
ช่วงที่มีการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์จากจีนแผ่นดินใหญ่ลงมาในดินแดนทางใต้ ชนชาติพันธุ์ “ว้า” ในนามกองทัพว้าแดง ได้ติดอาวุธและเข้าร่วมปฏิบัติการกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) จนถึงวันที่ 17 เมษายน 2532 จึงแยกตัวออกมาสถาปนากองทัพสหรัฐว้า (UWSA) และทำสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลทหารพม่า
รัฐบาลทหารพม่าขณะนั้นได้ตอบแทนโดยมอบพื้นที่บริเวณชายแดนจีน ติดกับเขตปกครองตนเองชนชาติไต ลาหู่ และว้า เมิ่งเหลียน ให้กองทัพสหรัฐว้าดูแล เป็นพื้นที่ปกครองตนเอง
ระหว่างปี 2533-2540 ช่วงที่กองทัพพม่าต้องการเผด็จศึกกับกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างเด็ดขาด กองทัพพม่าได้ขอให้กองทัพสหรัฐว้าส่งกำลังทหารจากป๋างซางลงมาช่วยรบกับกองทัพไทใหญ่ ในพื้นที่ภาคตะวันออกของรัฐชาน ตรงข้ามชายแดนไทย กองทัพว้าได้ส่งกำลังพลจำนวนมากมาตั้งฐานบัญชาการอยู่ในจังหวัดเมืองสาต
ต่อมาเมื่อสถานการณ์สู้รบในพื้นที่คลี่คลาย กองทัพพม่าตอบแทนโดยยกพื้นที่จังหวัดเมืองสาตเป็นเขตปกครองตนเองของว้าเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง
รัฐธรรมนูญปี 2551 ของพม่า ได้บรรจุเนื้อหาที่รับรองพื้นที่ปกครองตนเอง 6 แห่งทั่วประเทศ โดยในภาคสะกาย มีพื้นที่ปกครองตนเองชาติพันธุ์นาคา ติดกับรัฐนาคาแลนด์ของอินเดีย ในรัฐชาน มีพื้นที่ปกครองตนเองชาติพันธุ์ธะนุ พื้นที่ปกครองตนเองชาติพันธุ์ปะหล่อง (ตะอั้ง) พื้นที่ปกครองตนชาติพันธุ์ปะโอ พื้นที่ปกครองตนเองชาติพันธุ์โกก้าง และเขตปกครองตนเองทั้ง 2 แห่งของว้า เป็นเขตพิเศษหมายเลข 2
อย่างไรก็ตาม กองทัพสหรัฐว้าพยายามเรียกร้องกับรัฐบาลพม่าให้ยกระดับพื้นที่ของตน ขึ้นเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 มาโดยตลอด.