รอยเตอร์ - ตำรวจกัมพูชากล่าวปกป้องการจับกุมและลงโทษด้วยการใช้ไม้ตีผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อน้อยที่สุดของโลก แต่การระบาดที่เริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.พ. ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 7,747 คน และมีผู้เสียชีวิต 54 คน
กรุงพนมเปญประกาศล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และได้ประกาศให้บางอำเภอเป็น ‘พื้นที่สีแดง’ ห้ามประชาชนออกจากบ้าน ยกเว้นเหตุผลทางการแพทย์
โฆษกตำรวจกรุงพนมเปญกล่าวว่า การตีและการจับกุมเป็นการช่วยชีวิต โดยอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนพวกเขา
“ฝ่ายบริหารของกรุงพนมเปญได้ตัดสินใจว่าจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน เนื่องจากพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่เชื่อฟัง และเราต้องดำเนินการเพื่อรักษาชีวิตพวกเขา” โฆษกตำรวจกรุงพนมเปญ กล่าว
แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกัมพูชาประณามการเฆี่ยนตีและการจับกุม โดยระบุว่า มีวิธีการที่ดีกว่านี้ที่จะทำให้มั่นใจว่าประชาชนดูแลปกป้องตนเองและผู้อื่นจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
“เรารู้สึกช็อกต่อการลงโทษที่รุนแรงเช่นนี้กับคนที่ทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ” ผู้อำนวยการกลุ่มสิทธิมนุษยชน Licadho กล่าว
ด้านศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CCHR) ก็แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
“เรารู้สึกกังวลใจกับภาพที่แสดงให้เห็นถึงการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ต่อบุคคลต่างๆ ความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบ” ผู้อำนวยการบริหาร CCHR กล่าว
เขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสารกัมพูชายังวิพากษ์วิจารณ์การใช้ไม้หวาย และกล่าวว่า ตำรวจไม่ควรใช้กำลังดังกล่าวหากผู้กระทำผิดไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรง
“อย่าลืมคำว่ารับใช้ประชาชน” เขียว กัญญาฤทธิ์ ระบุในเฟซบุ๊กถัดจากรูปตำรวจถือไม้.