รอยเตอร์ - กัมพูชาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่คนงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศแล้วในวันนี้ (7) อุตสาหกรรมมูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจประเทศที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวหลังการระบาดของโรค
กัมพูชายังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อน้อยที่สุดของโลก แต่การระบาดที่เริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.พ. ได้ทำให้ประเทศมีผู้เสียชีวิตเป็นครั้งแรก 22 คน และยอดผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เป็น 2,915 คน
ในการรณรงค์ฉีดวัคซีน กัมพูชาได้มุ่งให้ความสำคัญกับภาคสิ่งทอที่มีการจ้างแรงงานราว 850,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และคิดเป็น 16% ของเศรษฐกิจประเทศ
โฆษกกระทรวงแรงงาน ที่ร่วมสังเกตการณ์การฉีดวัคซีนให้แก่คนงานที่นิคมอุตสาหกรรมในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเพิ่มการฉีดวัคซีนตามศูนย์ต่างๆ ให้ได้แห่งละ 1,000-1,200 คนต่อวัน และแผนของกระทรวงคือตั้งสถานที่ฉีดวัคซีนเพิ่ม 10 แห่ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้ 10,000-12,000 คนต่อวัน
ที่สถานที่ฉีดวัคซีน มีเสียงประกาศเตือนให้คนงานเตรียมเอกสารให้พร้อม ซึ่งประกอบด้วยบัตรประชาชนและเอกสารที่พวกเขาลงชื่อว่าพวกเขาตกลงที่จะรับการฉีดวัคซีนซิโนแวคของจีน
“ฉันเข้ารับการฉีดวัคซีนวันนี้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไปยังคนอื่น ฉันฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเอง คนรอบข้างและครอบครัวของฉันไม่ให้ติดเชื้อโควิดนี้” คนงานโรงงานสิ่งทออายุ 22 ปี กล่าว
สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้ากัมพูชา (GMAC) กล่าวว่า การติดเชื้อในกลุ่มคนงานในโรงงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
“เรายังคงดำเนินการขั้นตอนด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและเร่งกระบวนการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้” รองเลขาธิการ GMAC กล่าวกับรอยเตอร์
รองเลขาธิการ GMAC กล่าวว่า รัฐบาลต้องการฉีดวัคซีนให้คนงาน 100,000 คน ภายในเดือน เม.ย. และ 200,000 คนในเดือน พ.ค. และให้ได้อีก 200,000 คนในเดือน มิ.ย.
นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตรียมการรักษาผู้ป่วยโควิดที่บ้าน เนื่องจากการระบาดกำลังทดสอบขีดความสามารถของระบบการดูแลสุขภาพที่เปราะบางของประเทศ
ฮุนเซนที่ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นเรื่องของความสมัครใจ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ข้าราชการจะต้องรับการฉีดวัคซีนหากพวกเขาต้องการทำงานต่อไป
“เจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนจะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ขอให้นอนอยู่กับบ้าน” ฮุนเซน กล่าว โดยใช้วลีเขมรที่มีหมายความว่าพวกเขาจะถูกไล่ออกจากงาน.