รอยเตอร์ - ชาวบ้านราว 3,000 คน จากรัฐกะเหรี่ยงทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่าหลบหนีเข้าไปในฝั่งไทยวันนี้ (28) หลังกองทัพพม่าโจมตีทางอากาศในพื้นที่ที่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ควบคุมอยู่ ตามการเปิดเผยของกลุ่มนักเคลื่อนไหวและสื่อท้องถิ่น
กองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีทางอากาศใน 5 พื้นที่ของ อ.มูตรอ (Mutraw) ใกล้ชายแดน รวมทั้งค่ายผู้พลัดถิ่น ตามการระบุขององค์กรสตรีกะเหรี่ยง
“ขณะนี้ชาวบ้านกำลังซ่อนตัวอยู่ในป่า และมากกว่า 3,000 คน ข้ามเข้าไปในฝั่งไทยเพื่อหลบภัย” คำแถลงขององค์กรสตรีกะเหรี่ยง ระบุ
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสรายงานว่ามีคนเดินทางเข้ามาถึงฝั่งไทยราว 3,000 คน
ผู้ก่อตั้งองค์กร Free Burma Rangers ระบุว่าทหารของฝ่ายสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ถูกสังหารอย่างน้อย 2 นาย
“เราไม่มีการโจมตีทางอากาศในพื้นที่มานานกว่า 20 ปีแล้ว และอย่างที่ 2 คือการโจมตีเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ดังนั้น ขีดความสามารถของทหารพม่าเพิ่มขึ้นด้วยความช่วยหลือของรัสเซียและจีน และชาติอื่นๆ และนั่นเป็นอันตรายถึงชีวิต” เดวิด ยูแบงค์ กล่าว
ในการโจมตีทางอากาศของกองทัพพม่าเมื่อวันเสาร์ (27) พลเรือนอย่างน้อย 3 คน ถูกสังหารในหมู่บ้านที่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงควบคุมอยู่ ตามการระบุของกลุ่มประชาสังคม โดยกองกำลังติดอาวุธกล่าวก่อนหน้านี้ว่ากลุ่มได้โจมตีฐานทัพทหารใกล้ชายแดน และทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน
การโจมตีทางอากาศถือเป็นการโจมตีครั้งสำคัญที่สุดในรอบหลายปีในภูมิภาคนี้ ด้วยสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงในปี 2558 แต่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นหลังกองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงและสภาเพื่อการกอบกู้รัฐชานได้ประณามการยึดอำนาจของกองทัพและประกาศสนับสนุนการต่อต้านของประชาชน
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงกล่าวว่า มีประชาชนหลายร้อยคนอาศัยหลบภัยอยู่ในพื้นที่ หลังหลบหนีออกจากพื้นที่ทางภาคกลางของประเทศท่ามกลางความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา.