รอยเตอร์ - บริษัทฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ของไต้หวัน กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเบื้องต้นกับบริษัทวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ของเวียดนาม เกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ตามการเปิดเผยของ 2 แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้กับรอยเตอร์
แหล่งข่าวเผยว่า ฟ็อกซ์คอนน์ได้เสนอเข้าซื้อสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของวินฟาสต์ แต่วินฟาสต์ ที่เป็นธุรกิจในเครือบริษัทวินกรุ๊ป (Vingroup JSC) เสนอการเป็นหุ้นส่วน เนื่องจากบริษัทต้องการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต้องการรักษาธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองเอาไว้
ทั้งนี้ ฟ็อกซ์คอนน์ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น ส่วนโฆษกของวินกรุ๊ประบุว่า บริษัทไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ผู้รับจ้างผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นซัปพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล (Apple Inc) ได้วางแผนที่จะเป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนและบริการรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก และข้อตกลงใดๆ กับบริษัทวินฟาสต์ จะเป็นไปตามข้อตกลงที่บรรลุกับเฟียต ไครส์เลอร์ และบริษัทสตาร์ทอัปด้านรถยนต์ไฟฟ้า
ความมุ่งมั่นของฟ็อกซ์คอนน์กำลังเขย่าวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยการเสนอทางลัดให้แก่บริษัทอย่างแอปเปิล และผู้เล่นรายอื่นที่ไม่ใช่ค่ายรถดั้งเดิม เข้าแข่งขันในตลาดรถยนต์
วินฟาสต์กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศรายแรกของเวียดนาม หลังจากเปิดตัวรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงรุ่นแรกของบริษัทที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเองเมื่อปี 2562
ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ได้ราว 30,000 คัน และคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดจำหน่ายได้มากกว่า 45,000 คันในปีนี้
บริษัทจะเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากโรงงานของบริษัทในเมืองหายฟ่อง ทางภาคเหนือ ให้แก่ลูกค้าในประเทศภายในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้ วินฟาสต์ที่ยังผลิตมอเตอร์ไซค์และรถโดยสารไฟฟ้า กล่าวในเดือนนี้ว่าได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ProLogium ของไต้หวัน ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า
ในความพยายามที่จะเป็นผู้จัดหาอะไหล่หรือบริการที่ 10% ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลกให้ได้ภายในปี 2568 บริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ได้เดินหน้าเจรจากับบริษัทต่างๆ อย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุข้อตกลง โดยหนึ่งในข้อตกลงใหญ่ที่สุดคือข้อตกลงกับบริษัทเจ้อเจียง จี๋ลี่ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Zhejiang Geely Holding Group) ที่ให้บริการรับจ้างผลิตให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น
นอกจากนั้น บริษัทยังระบุว่า จะทำงานร่วมกับบริษัทฟิสเกอร์ (Fisker) สตาร์ทอัปของสหรัฐฯ ผลิตรถยนต์มากกว่า 250,000 คันต่อปี ที่จะเริ่มในปลายปี 2566 และจะเริ่มผลิตรถเอสยูวีให้แก่บริษัทไบตัน (Byton) ของจีนในปีหน้า.