รอยเตอร์ - ผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารในพม่า รวมกลุ่มนั่งบนรางรถไฟ ในเส้นทางเดินรถระหว่างนครย่างกุ้งและเมืองทางตอนใต้ของประเทศวันนี้ (16) หลายชั่วโมงหลังจากผู้แทนสหประชาชาติเตือนว่า กองทัพพม่าจะได้รับผลตอบสนองรุนแรงหากใช้ความรุนแรงกับการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย
แม้กองทัพจะเคลื่อนกำลังพลและรถหุ้มเกราะเข้าไปในเมืองใหญ่ต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ผู้ชุมนุมยังคงรณรงค์ประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และเรียกร้องให้ปล่อยตัวอองซานซูจี และคนอื่นๆ ที่ถูกควบคุมตัว
เช่นเดียวกับการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ขบวนการอารยะขัดขืนได้นำมาซึ่งการผละงานประท้วงที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานหลายอย่างของรัฐบาล
ผู้ชุมนุมประท้วงรวมตัวกันบนรางรถไฟชูป้ายสนับสนุนขบวนการอารยะขัดขืน ทำให้รถไฟที่วิ่งระหว่างนครย่างกุ้งและเมืองเมาะลำไย ทางภาคใต้ของประเทศ ต้องหยุดบริการ
“ปล่อยตัวผู้นำของเราเดี๋ยวนี้ คืนอำนาจประชาชนกลับมาให้เรา” ฝูงชนร้องตะโกน
ผู้ชุมนุมประท้วงยังรวมตัวกันอีก 2 จุดในนครย่างกุ้ง คือ สถานที่ประท้วงเดิมใกล้กับมหาวิทยาลัยและธนาคารกลาง ที่บรรดาผู้ชุมนุมหวังที่จะกดดันเจ้าหน้าที่ให้เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์อีกราว 30 รูป เข้าร่วมการประท้วงโดยท่องบทสวดมนต์
แม้การประท้วงในสัปดาห์จะมีขนาดเล็กลงกว่าการชุมนุมประท้วงก่อนหน้า ที่มีผู้คนเข้าร่วมนับแสน แต่การต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตยของประเทศต้องหยุดชะงัก ยังคงแพร่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
กองทัพตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นคืนที่ 2 ติดต่อกันก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.
เมื่อวันจันทร์ (15) คริสตีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติ ได้พูดคุยกับรองหัวหน้าคณะรัฐบาลทหาร เรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ และฟื้นฟูการสื่อสาร
ฟาร์ฮาน ฮัก โฆษกสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ได้เน้นย้ำกับฝ่ายทหารว่าต้องเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิการชุมนุมอย่างสันติ และผู้ประท้วงต้องไม่ถูกแก้แค้น นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดสารถึงกองทัพพม่าว่าโลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด และรูปแบบการตอบโต้หนักหน่วงใดๆ ก็ตาม จะต้องได้รับผลตอบสนองที่รุนแรง
ในการพูดคุยดังกล่าว กองทัพพม่าเผยว่า พล.อ.โซ วิน ผู้นำหมายเลข 2 ของคณะรัฐประหาร ได้พูดคุยเกี่ยวกับแผนต่างๆ ของฝ่ายบริหาร และข้อมูลสถานการณ์จริงของสิ่งที่เกิดขึ้นในพม่า
การประท้วงใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษในพม่า ได้รื้อฟื้นความทรงจำครั้งที่อยู่ภายใต้การปกครองของทหารโดยตรงนานเกือบครึ่งศตวรรษ และการปราบปรามนองเลือด จนกระทั่งกองทัพเริ่มกระบวนการคลายอำนาจถอนตัวออกจากการเมืองพลเรือนในปี 2554
กองทัพกล่าวในคืนวันจันทร์ว่า การประท้วงกำลังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงและทำให้ประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว
“ผู้คนรู้สึกยินดีที่มีการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยและกองกำลังความมั่นคงจะดำเนินการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน” ทีมข้อมูลข่าวจริงของกองทัพ ระบุ
ด้านสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมตัว 426 คน ระหว่างการรัฐประหารจนถึงวันจันทร์ และมีความวิตกว่าทหารกำลังใช้การตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อจับกุมฝ่ายตรงข้ามเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังระงับข้อกฎหมายที่จำกัดอำนาจการค้นหาและควบคุมตัว.
