เอเอฟพี/เอพี - สมาชิกอาวุโสของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของอองซานซูจี ถูกจับกุมตัววันนี้ (5) หลายวันหลังการรัฐประหาร ที่ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ประชาชน และการเรียกร้องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้บรรดานายพลสละอำนาจ
วิน เต็ง อายุ 79 ปี กลายเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงคนล่าสุดที่ถูกจับกุมตัว ในขณะที่รัฐบาลทหารชุดใหม่ของประเทศเผชิญกับการต่อต้านการยึดอำนาจที่กำลังลุกลามไปหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ถนนหนทางของนครย่างกุ้งเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมายืนตีกะละมัง เคาะหม้อ บีบแตรรถ เพื่อแสดงการคัดค้านต่อต้านการรัฐประหารเป็นคืนที่สามติดต่อกัน
ในวันนี้ (5) คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศึกษาศาสตร์ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดากองในนครย่างกุ้ง ได้จัดการชุมนุมเดินขบวน ถือป้ายสัญลักษณ์ริบบิ้นสีแดงและชูสามนิ้ว
"เราสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และเราจะยืนเคียงข้างพวกเขาเสมอ เราไม่ยอมรับรัฐบาลที่ยึดอำนาจด้วยกำลังอย่างเด็ดขาด" อาจารย์มหาวิทยาลัยรายหนึ่ง กล่าว
วิน เต็ง มือขวาของซูจี ถูกจับกุมตัวที่บ้านพักในนครย่างกุ้ง และถูกนำตัวไปยังกรุงเนปีดอ ตามการเปิดเผยของ จี โต โฆษกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย บนหน้าเพจเฟซบุ๊กวันนี้ (5)
ก่อนการจับกุมตัว วิน เต็ง ได้กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่าการทำรัฐประหารของทหารนั้นไม่ฉลาด และผู้นำกองทัพนำพาประเทศไปในทิศทางที่ผิด
“ทุกคนในประเทศควรคัดค้านให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ต่อการกระทำของพวกเขาที่พยายามพาเรากลับไปที่ศูนย์ ด้วยการทำลายรัฐบาลของเรา” วิน เต็ง กล่าวกับนิตยสาร Frontier Myanmar ถึงผลจากรัฐประหาร
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่าระบุว่า มีเจ้าหน้าที่และสมาชิกรัฐภาอย่างน้อย 133 คน และนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม 14 คน ถูกควบคุมตัวจากการรัฐประหาร ส่วนอองซานซูจี และประธานาธิบดีวิน มี้น กำลังถูกควบคุมตัวจากข้อหาต่างๆ ที่ทำให้ทั้งสองถูกคุมตัวไปได้ถึงกลางเดือน ก.พ.
เมื่อวันพฤหัสฯ (4) หลายชายของมิน ถิ่น โก โก ยี ผู้ผลิตภาพยนตร์ชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้ต้องโทษจำคุกจากการวิพากษ์วิจารณ์ทหาร ได้ยืนยันว่าลุงของเขาถูกจับตัวในเช้าวันรัฐประหาร
“ผมคิดว่าพวกเขาไล่จับคนเห็นต่างทุกคนที่สามารถแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชนได้” ก่อง ซัต นาย กล่าว
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในพม่าถูกสั่งให้ตัดการเข้าถึงเฟซบุ๊ก ที่เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของชาวพม่าหลายล้านคน
ถึงแม้เฟซบุ๊กจะไม่สามารถใช้งานได้ ชาวพม่าจำนวนมากได้ย้ายไปใช้งานทวิตเตอร์ในช่วงไม่กี่วันมานี้ บางส่วนเริ่มใช้บริการ VPN เพื่อเลี่ยงการปิดกั้น
ขณะเดียวกัน แฮชแท็กต่อต้านการรัฐประหารทั้ง #HearTheVoiceofMyanmar และ #RespectOurVotes ก็กำลังติดเทรนด์ในตอนนี้ โดยมีโพสต์มากกว่า 7 ล้านครั้ง
ขบวนการอารยะขัดขืนที่รวมตัวกันผ่านโลกออนไลน์ ได้เรียกร้องให้ประชาชนส่งเสียงคัดค้านทุกคืน ด้วยการตีถาด ตีหม้อ เคาะกะทะ เพื่อแสดงความโกรธแค้นไม่พอใจ และในเวลา 20.00 น. ของวันพฤหัสฯ ชาวย่างกุ้งต่างพร้อมใจกันส่งเสียงดังก้องไปทั่วเมือง
“ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่รัฐประหาร” วิน โบ ชาวย่างกุ้ง กล่าวกับเอเอฟพี และเสริมว่าเขาเคยเป็นแนวหน้าในการประท้วงปี 1988
การเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนั้น สิ้นสุดลงด้วยการปราบปรามนองเลือด ที่ทำให้ผู้ชุมนุมและพระสงฆ์เสียชีวิตหลายพันคน
“ตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง ผมยอมรับการรัฐประหารนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ ผมต้องการปฏิวัติด้วยกำลังอาวุธ” วิน โบ กล่าว
แม้จนถึงขณะนี้จะยังไม่มีการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ให้เห็น แต่ก็มีการชุมนุมขนาดเล็กผุดขึ้นหลายพื้นที่
เมื่อวันพฤหัสฯ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค NLD ราว 70 คน ได้รวมตัวกันประชุมรัฐสภาเชิงสัญลักษณ์ที่บริเวณบ้านพักของพวกเขาในกรุงเนปีดอ ลงนามในคำมั่นว่าพวกเขาจะรับใช้ประชาชน
ทั้งนี้ การก่อรัฐประหารของกองทัพพม่าได้เรียกเสียงประณามจากนานาชาติ รวมทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่ได้กล่าวย้ำการเรียกร้องของเขาให้นายพลพม่าสละอำนาจ
“ทหารพม่าควรสละอำนาจที่พวกเขาได้ยึดไป ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวและเจ้าหน้าที่ที่ถูกควบคุมตัว ยกเลิกข้อจำกัดในการสื่อสารโทรคมนาคม และละเว้นจากความรุนแรง” ผู้นำสหรัฐฯ ระบุ
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณามาตรการลงโทษแบบมุ่งเป้าหมายอย่างเจาะจงทั้งต่อบุคคลและกิจการที่ทหารควบคุม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกคำแถลงแสดงความวิตกกังวลอย่างลึกซึ้งต่อสถานการณ์ของพม่า และเรียกร้องให้ปล่อยตัวอองซานซูจี และผู้ที่ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ คำแถลงที่ลดท่าทีลงจากร่างเมื่อวันอังคารที่ประณามการรัฐประหาร โดยนักการทูตกล่าวว่า จีนและรัสเซีย ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของพม่าในเวทีสหประชาชาติ ได้ขอเวลาเพิ่มเติมเมื่อวันอังคารเพื่อปรับคำแถลงตอบสนองของคณะมนตรี
นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องให้บริษัทข้ามชาติที่ทำงานกับธุรกิจที่เชื่อมโยงกับกองทัพพม่า ตัดความสัมพันธ์เพื่อกดดันนายพล
และวันนี้ (5) คิริน บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ได้ประกาศยุติการทำธุรกิจแบบร่วมค้ากับบริษัทหุ้นส่วนในพม่า ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพ.