MGR ออนไลน์ - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเวียดนามได้ร่วมกันกำจัดสารไดออกซินจากฝนเหลือง ออกจากพื้นที่ขนาด 5,300 ตารางเมตร ของสนามบินเบียนฮว่า (Bien Hoa) สถานที่ที่ปนเปื้อนสารพิษมากที่สุดในเวียดนาม
งานกำจัดสารปนเปื้อน ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2562 ได้กำจัดตะกอนปนเปื้อนสารไดออกซินออกจากพื้นที่ Gate 2 Lake ภายในสนามบินใน จ.ด่งนาย (Dong Nai) ไปกว่า 1,134 ลูกบาศก์เมตร
สนามบินเบียนฮว่า เป็นฐานทัพของสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนามในช่วงสงครามเวียดนาม และเวลานี้ถูกใช้เป็นที่ฝึกอบรมทหาร พื้นที่ที่ได้รับการกำจัดสารปนเปื้อนเสร็จสิ้นแล้วนี้ จะถูกส่งมอบให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ภายในงานที่จัดขึ้นที่สนามบินเพื่อประกาศผลการทำงานในช่วงระยะเวลา 1 ปี หน่วยบัญชาการป้องกันทางอากาศของกองทัพอากาศได้ลงนามข้อตกลงกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) ส่งมอบพื้นที่ขนาด 45 ไร่ เพื่อดำเนินการกำจัดสารพิษปนเปื้อนในช่วง 2 ปีข้างหน้า
จากการประเมินพื้นที่ปนเปื้อนสารพิษ รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ เห็นพ้องว่าในบริเวณสนามบินขนาด 326 ไร่ มีดินจำนวน 515,000 ลูกบาศก์เมตร ปนเปื้อนสารไดออกซิน สารเคมีร้ายแรงที่อยู่ในฝนเหลืองของสหรัฐฯ การทำความสะอาดกำจัดสารปนเปื้อนคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี
“แม้ขนาดของความสำเร็จในเบื้องต้นนี้อาจดูว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความท้าทายในการกำจัดสารปนเปื้อนทั้งหมดที่รออยู่ข้างหน้า แต่ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่น่าจดจำ” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม กล่าว และยืนยันในนามของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าการทำความสะอาดสนามบินจะเสร็จสมบูรณ์ตามคำมั่น
ด้านรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมเวียดนาม กล่าวว่า ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานที่ชี้ว่ารัฐบาลของสองประเทศรักษาคำมั่นสัญญาต่อประชาชนและต่อกันและกัน และแม้พื้นที่ Gate 2 Lake จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในโครงการ แต่สามารถกล่าวได้ว่าผืนดินที่ตายไปแล้ว ได้ถูกเปลี่ยนเป็นผืนดินที่มีชีวิตกลับคืนแก่เมืองด่งนาย
“ผมขอแนะนำให้ทางการเมืองเบียนฮวา และ จ.ด่งนาย ติดตั้งป้ายที่ Gate 2 Lake เพื่อบอกว่านี่คือแผ่นดินผืนแรกในโครงการที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการเอาชนะผลพวงของสงคราม” รัฐมนตรีช่วยกลาโหมเวียดนาม กล่าว
นอกจากนี้ คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม และศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการบำบัดสารเคมีและสิ่งแวดล้อม ยังแนะนำโครงการร่วมเพื่อช่วยเหลือผู้พิการใน 8 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากฝนเหลือง โดย USAID ระบุว่า จะจัดสรรเงินทุนช่วยเหลือ จำนวน 65 ล้านดอลลาร์สำหรับ 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้ผู้พิการได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเต็มที่และปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมของพวกเขา
“คำมั่นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีความรับผิดชอบต่อเหยื่อสงครามเวียดนาม และสิ่งนี้ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของความสัมพันธ์ที่สันติและร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ” รัฐมนตรีช่วยกลาโหมเวียดนาม กล่าว
ระหว่างปี 2504-2514 กองทัพสหรัฐฯ พ่นสารเหลืองราว 80 ล้านลิตร เหนือพื้นที่กว่า 78,000 ตารางกิโลเมตรในภาคใต้ของเวียดนาม สารไดออกซินยังคงปนเปื้อนอยู่ในดินและแหล่งน้ำมาหลายชั่วอายุคน เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารผ่านเนื้อสัตว์ ปลา และสัตว์อื่นๆ และยังพบในน้ำนมแม่ในระดับสูงอย่างน่าตกใจ
ชาวเวียดนามราว 2.1-4.8 ล้านคน สัมผัสโดยตรงกับฝนเหลืองและสารเคมีอื่นๆ ก่อนสงครามสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย.2518 สารเคมีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง ความพิการแต่กำเนิด และโรคเรื้อรังต่างๆ.