MGR ออนไลน์ - สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งฝันร้าย เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 และเหตุอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์
จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของเวียดนามทำสถิติสูงถึง 18 ล้านคนในปี 2562 ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้ 30,800 ล้านดอลลาร์ และสำหรับปี 2563 รัฐบาลตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ 20 ล้านคน โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ที่ 35,000 ล้านดอลลาร์
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มต้นด้วยความสดใส โดยในเดือนม.ค. 2563 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเยือนเวียดนามราว 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32.8% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ทุกความคาดหมายต้องหยุดชะงักลง หลังเกิดเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค.
ตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. สำนักงานการบินพลเรือนเวียดนามสั่งระงับทุกเที่ยวบินเข้าออกจากพื้นที่ที่เกิดการระบาดในจีน และระงับการออกวีซ่าให้กับผู้ที่เดินทางมาจากสถานที่เหล่านั้น ซึ่งจีนเป็นตลาดการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีชาวจีนเกือบ 4.8 ล้านคนเดินทางมาเวียดนามในปี 2562
ในช่วงปลายเดือนก.พ. รัฐบาลเวียดนามยกเลิกเที่ยวบินไปเกาหลีใต้ ที่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และระงับการเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับชาวเกาหลีใต้เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจาย
สถานการณ์เลวร้ายลงในเดือนมี.ค. เมื่อชาวเวียดนามจำนวนมากที่เดินทางกลับจากสหรัฐฯ และยุโรป พร้อมด้วยชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากจุดหมายปลายทางเดียวกัน ติดเชื้อไวรัส สิ่งนี้ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในวันที่ 1 เม.ย. และระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทุกแห่งและสถานบันเทิงต่างๆ ในประเทศ รวมถึง บาร์และร้านคาราโอเกะปิดให้บริการ ผู้คนต้องอยู่กับบ้านและจำกัดการรวมกลุ่ม
ในปลายเดือนเม.ย. สถานที่ท่องเที่ยวได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้ง แต่ประเทศยังไม่เปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ด้วยข้อจำกัดที่เข้มงวดกับการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศแทน และด้วยการควบคุมโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวท้องถิ่นในช่วงสุดสัปดาห์
แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมต้องสะดุดหยุดลงอีกครั้ง เมื่อนครดานังพบผู้ป่วยติดเชื้อในท้องถิ่นรายแรกในวันที่ 25 ก.ค. เหตุการณ์ที่หยุดสถิติการไม่พบผู้ติดเชื้อภายในชุมชนนาน 99 วัน ของประเทศ
หลายท้องถิ่นปิดแหล่งท่องเที่ยวของตัวเองและใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศ ดานัง เมืองที่มีชายหาดที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอยู่หลายแห่ง รวมถึงจ.กว่างนาม ที่เป็นที่ตั้งของเมืองมรดกโลกฮอยอัน กลายเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งทั้งสองสถานที่ถูกล็อกดาวน์นานกว่า 1 เดือน
รายได้จากการท่องเที่ยวในเดือนส.ค. ลดลงถึง 61.8% จากเดือนก่อนหน้า ที่ 42.4 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากปรากฎตัวขึ้นของโควิด-19 ทำให้ความต้องการเดินทางลดลง
แต่ด้วยมาตรการการกักตัวและการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้เสี่ยงติดเชื้ออย่างเข้มงวด ทำให้เวียดนามควบคุมการระบาดของโควิด-19 ครั้งที่สองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
แต่เหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักอีกระลอก ในระหว่างต้นเดือนต.ค. ถึงกลางเดือนพ.ย. พื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของเขตที่ราบสูงภาคกลาง เจอพายุซัดถล่มต่อเนื่อง ทำให้เกิดฝนตกหนักและเป็นผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มรุนแรง
ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 192 คน และสูญหาย 57 คน มูลค่าความเสียหายสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลระบุว่าเป็นความเสียหายครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในภาคกลางของประเทศ เช่น เว้ ฮอยอัน และอุทยานแห่งชาติฟองงา-เก๋บ่าง ของจ.กวางบิ่ง จมอยู่ใต้น้ำท่วมและปิดให้บริการนักท่องเที่ยว
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กล่าวว่าเวียดนามสูญรายได้ภาคการท่องเที่ยวกว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้การปิดพรมแดนและการระงับเที่ยวบิน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนเวียดนามลดลง 76.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้รวมจากการท่องเที่ยวลดลงประมาณ 59% จากปีก่อนหน้า.