รอยเตอร์ - หอการค้าสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่กำหนดอัตราภาษีกับเวียดนามจากการกล่าวหาว่าเวียดนามบิดเบือนค่าเงิน โดยระบุว่า เวียดนามไม่เข้าเกณฑ์ 3 ข้อของการปฏิบัติด้านสกุลเงินที่ไม่เป็นธรรมของกระทรวงการคลัง
ในบล็อกโพสต์และการให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่หอการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามของสหรัฐฯ ที่จะกำหนดอัตราภาษีกับเวียดนามก่อนการพิจารณาในปลายเดือน ธ.ค. จะเป็นการเพิกเฉยต่อกระบวนการที่กำหนดไว้
“มันจะเป็นการส่งข้อความที่ไม่ดีไปสู่เวียดนาม และจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี การกำหนดอัตราภาษีอย่างไม่รอบคอบจะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์โดยรวม” จอห์น โกเยอร์ ผู้อำนวยการหอการค้าสหรัฐฯ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวให้สัมภาษณ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงิน คาดว่า สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะออกรายงานว่าด้วยการปฏิบัติด้านสกุลเงินต่างประเทศของคู่ค้ารายใหญ่ภายในไม่กี่วันนี้ ขณะที่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกล่าวว่าวอชิงตันอาจปรับลดอัตราภาษีกับเวียดนามในภายหลัง
เมื่อต้นปี กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าสกุลเงินเวียดนามอ่อนค่าเกินจริงในปี 2562 ประมาณ 4.7% เทียบกับเงินดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งมาจากการแทรกแซงของรัฐบาล ตามรายงานการประเมินที่ส่งไปยังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และต่อมาในเดือน ต.ค. มีความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นผลให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเวียดนามหลายพันล้านดอลลาร์
เวียดนาม ที่เวลานี้อยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาว่าอาจมีการบิดเบือนค่าเงิน อยู่ภายใต้การตรวจสอบจากการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มีดุลบัญชีเดินสะพัดในทิศทางที่เป็นบวกสูง และสัญญาณที่เชื่อได้ว่าธนาคารกลางซื้อสกุลเงินต่างประเทศอยู่ตลอด
จอห์น เมอร์ฟี รองประธานอาวุโสฝ่ายนโยบายระหว่างประเทศของหอการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า เวียดนามเข้าเกณฑ์เพียงข้อเดียวจากทั้งหมด 3 ข้อของกระทรวงการคลัง สำหรับประเมินตัดสินว่าประเทศใดเข้าข่ายเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน
สำหรับเกณฑ์ที่เวียดนามเข้าข่ายเพียงข้อเดียวคือ การเกินดุลการค้า แต่ส่วนใหญ่เป็นผลเนื่องจากสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีภายใต้ Section 301 กับสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่ามากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์ และการแข่งขันของบริษัทสหรัฐฯ ที่จะหาซัปพลายเออร์รายอื่น จอห์น เมอร์ฟี ระบุ.