รอยเตอร์ - เนื่องด้วยจำนวนผู้เข้าชมลดลงต่อเนื่องในช่วงการระบาดของโควิด-19 สวนสัตว์เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามจึงจำเป็นต้องดิ้นรนให้สวนสัตว์อยู่รอดด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการเปิดระดมทุน การลดค่าจ้าง และปลูกผักผลไม้เลี้ยงสัตว์ด้วยตัวเอง
จำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์ที่มีอายุมากกว่า 150 ปีในนครโฮจิมินห์แห่งนี้ เริ่มลดลงตั้งแต่เดือน มี.ค. หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายในประเทศ และทางการยังประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในเดือน เม.ย. และเดือน พ.ค. แต่สวนสัตว์ที่สร้างขึ้นในยุคอาณานิคมฝรั่งเศสยังคงมีค่าใช้จ่ายราว 180 ล้านด่ง (กว่า 240,000 บาท) ต่อวัน และมีสัตว์มากกว่า 1,400 ตัว ที่ต้องเลี้ยงดู
“เราไม่รู้ว่าการระบาดจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เราพยายามที่จะเพิ่มรายได้จากหลายๆ ทาง” ฝ่าม วัน ตัน หัวหน้าสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ไซ่ง่อน กล่าว โดยปกติแล้วสวนสัตว์เคยทำรายได้จากการขายตั๋วสูงสุดถึง 5 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ตอนนี้สวนสัตว์กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อหารายได้มาจัดการกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่การรับออกแบบสวน ปลูกดอกไม้ขาย ไปจนถึงขายปุ๋ยให้แก่เกษตรกร ขณะที่เจ้าหน้าถูกปรับลดเงินเดือนลง 30%
“เราพยายามที่จะทำให้มั่นใจว่ามีอาหารเพียงพอสำหรับสัตว์ แต่เราก็พยายามให้อาหารตามฤดูกาลกับพวกมันซึ่งคุ้มค่ากว่า” ฝ่าม วัน ตัน กล่าว และว่า สวนสัตว์กำลังผลิตอาหารในปริมาณเกือบครึ่งหนึ่งของเสบียงที่จำเป็นต้องใช้เลี้ยงสัตว์ที่ชานนครโฮจิมินห์
สำหรับการระดมทุนที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ สวนสัตว์ยังสามารถระดมเงินได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ในเวลาเพียง 2 วัน นอกจากนั้น ยังได้รับบริจาคอาหารสำหรับสัตว์รวม 25 ตัน ที่ทำให้สวนสัตว์ต้องระงับแผนแลกเปลี่ยนสัตว์เพื่อผสมพันธุ์ระหว่างประเทศ
สัตวแพทย์ประจำสวนสัตว์กล่าวว่า สัตว์บางตัวดูร่าเริงขึ้นเนื่องจากมีคนมายืนดูพวกมันน้อยลง
เวลานี้ ผู้เข้าชมเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งประมาณ 1,400 คนต่อวัน แต่ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดอยู่มากซึ่งอยู่ราว 12,000 คนต่อวัน
“เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการมาเที่ยวสวนสัตว์เพราะคนยังไม่เยอะมาก” ครอบครัวชาวเวียดนามที่มาเที่ยวกล่าว.