รอยเตอร์ - บนเกาะฝูก๊วก (Phu Quoc) เกาะของเวียดนามที่อยู่นอกชายฝั่งกัมพูชา ป้ายประชาสัมพันธ์เตือนนักท่องเที่ยวถึงอันตรายของโรคโควิด-19 เริ่มซีดจางท่ามกลางแสงอาทิตย์แรงกล้า เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หายหน้าหายตาไม่ปรากฏให้เห็นตามชายหาดอย่างเคย
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนเวียดนามในเดือน เม.ย. ลดลงถึง 98% เมื่อเทียบกับปี 2562 เพราะการระบาดของโควิด-19 แต่ความสำเร็จในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส ที่ทำให้เวียดนามมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพียง 324 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต เวลานี้กำลังตั้งเป้าที่จะฟื้นชีพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เวียดนามจะเป็นหนึ่งในชาติแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มฟื้นเศรษฐกิจของตัวเอง แต่ด้วยมาตรการคำสั่งห้ามต่างๆ ยังคงมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติ และตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศหลายแห่งยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ โรงแรมและรีสอร์ตกำลังปรับลดราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวท้องถิ่นให้เดินทางมาเยือนมากขึ้น
ที่รีสอร์ตแมงโก้เบย์ (Mango Bay) ในฝูก๊วก พนักงานที่สวมหน้ากากอนามัยเสิร์ฟเครื่องดื่มค็อกเทลเย็นฉ่ำและไวน์ขาวให้แก่แขกกลุ่มเล็กๆ โดยหลายคนเป็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวจากฮานอย หรือโฮจิมินห์
ผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ตกล่าวว่า เวลานี้ทางรีสอร์ตต้องปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมของนักท่องเที่ยวท้องถิ่น
“ธุรกิจท่องเที่ยวที่มุ่งเป้าแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะประสบปัญหาเป็นระยะเวลานาน ตอนนี้เราสามารถมุ่งความสนใจไปที่ตลาดชาวเวียดนาม แต่ก็ไม่ใช่ชาวเวียดนามทั้งหมดที่สนใจสิ่งที่เราเสนอให้” ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม กล่าว
ทางการเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว “เวียดนามเที่ยวเวียดนาม” เมื่อสัปดาห์ก่อน และมีเป้าหมายที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและแพกเกจบริการที่ราคาสมเหตุสมผล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เวียดนามก้าวไปก่อนหน้าคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค เช่น ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งเริ่มยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวทำรายได้ 726 ล้านล้านด่ง (31,000 ล้านดอลลาร์) เมื่อปีที่ผ่านมา เกือบ 12% ของจีดีพีในปี 2562 และนักท่องเที่ยวกว่า 103 ล้านคน 17% เป็นชาวต่างชาติ โดยกลุ่มนี้ใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวภายในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คำเตือนถึงความเสี่ยงของการเปิดรับชาวต่างชาติเข้าประเทศเร็วเกินไป ทำให้นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก เรียกร้องให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวท้องถิ่น บรรดาโรงแรมและสายการบินได้ปรับลดราคาลงถึงครึ่งหนึ่ง ตามการเปิดเผยของ หวู เท้ บิ่ง ประธานสมาคมบริษัทนำเที่ยวแห่งเวียดนามและรองประธานสมาคมการท่องเที่ยวเวียดนาม
“การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ หลังจากโครงการนี้สิ้นสุดลงกลางเดือน ก.ค. เราจะเริ่มโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ด้วย” หวู เท้ บิ่ง กล่าว
การท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นวาระหลังการยกเลิกล็อกดาวน์ เช่น เกาะบาหลีของอินโดนีเซียคาดว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเดือน ต.ค. และโรงแรมในไทยกำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดให้บริการอีกครั้ง
อีกหนึ่งทางเลือกที่เวียดนามกำลังพิจารณาคือการเข้าร่วมระเบียงท่องเที่ยว (Travel Bubble) ที่เปิดช่องการเดินทางกับประเทศที่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19
เคน แอทกินสัน รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยวเวียดนาม กล่าวว่า ประเทศแรกที่เป็นเป้าหมายอาจเป็นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่กำลังพิจารณาเขตเคลื่อนไหวได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องกักตัว
“อย่างไรก็ตาม จีนและเกาหลีใต้เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวรายใหญ่ มีความสำคัญที่จะต้องวางแผนดำเนินการเปิดการท่องเที่ยวจากตลาดเหล่านี้ให้เร็วที่สุดเมื่อปลอดภัย” แอทกินสัน กล่าว
ตลาดเอเชียมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเป็นรายแรก วิลเลียม ฮานดริกมัน ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมโซฟิเทล เลเจนด์ เมโทรโพล ฮานอย กล่าว
“เราต้องปรับตัวเองใหม่เพื่อมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศโดยตรง รวมทั้งตลาดเอเชีย” แอทกินสัน กล่าว
การท่องเที่ยวภายในประเทศเวลานี้กำลังเติบโต โดยสายการบินของเวียดนามส่วนใหญ่รายงานว่าเที่ยวบินภายในประเทศถึงขีดความสามารถในการให้บริการอย่างรวดเร็ว
ด้วยราคาที่ถูกลงไม่ว่าจะโรงแรมหรือเที่ยวบิน นักธุรกิจหญิงจากฮานอยอายุ 38 ปี ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่นครด่าหนัง
“ฉันกลัวว่าถ้าเรารอจนการระบาดสิ้นสุดลง ตอนนั้นราคาจะถีบตัวสูงขึ้นและชายหาดจะมีคนแน่นเกินไป เราไม่รู้ว่าจะเกิดการล็อกดาวน์ขึ้นอีกหรือไม่ถ้าไวรัสจะกลับมาระบาดในเวียดนาม ตอนนั้นฉันคงต้องอยู่กับบ้านและฝันถึงการเดินทางอีกครั้ง” นักธุรกิจหญิง กล่าว.