รอยเตอร์ - การต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างกองกำลังทหารพม่าและกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คน ในรัฐยะไข่และรัฐชิน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยวันนี้ (17) และว่า ทหารยังทำบ้านเรือนและโรงเรียนเสียหาย
กองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มก่อความไม่สงบที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองให้แก่รัฐ ได้จับอาวุธต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลมานานกว่า 1 ปี
“ทหารพม่าโจมตีทางอากาศและยิงถล่มพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบทุกวัน และนับจนถึงวันที่ 23 มี.ค. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คน และได้รับบาดเจ็บ 71 คน พวกเขายังเผาทำลายโรงเรียนและบ้านเรือนของราษฎร” รูเพิร์ต โคลวิลล์ โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวแถลง
โคลวิลล์ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องจากรัฐยะไข่ว่าผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้นเป็นผลของการตกเป็นเป้าโจมตีหรือติดอยู่กลางพื้นที่ปะทะระหว่างกองทัพอาระกันและกองทัพพม่า
ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อโฆษกทหารพม่าเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ กองทัพได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น
เหตุยิงถล่มในหมู่บ้านจอก์ไซเมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่ แต่กองทัพอ้างว่า รายงานที่ว่าพลเรือนในหมู่บ้านถูกยิงถล่มนั้นเป็นเรื่องปั้นแต่ง
หลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ ได้เรียกร้องให้การสู้รบในรัฐยะไข่ยุติลง อย่างน้อยที่สุดเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองชุมชนที่เปราะบางจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
กองทัพอาระกันได้ประกาศหยุดยิงนาน 1 เดือน เมื่อเดือน เม.ย. พร้อมกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อีก 2 กลุ่ม โดยอ้างถึงสถานการณ์การระบาด แต่ทหารปฏิเสธการหยุดยิง โดยให้เหตุผลว่า.รัฐบาลเคยประกาศสงบศึกชั่วคราวก่อนหน้านี้ แต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบไม่สนใจ.