เอเอฟพี - ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิ ของญี่ปุ่น นางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนของพม่า กล่าวตำหนิถึงการขาดการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มคนหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่ พื้นที่ที่กองทัพของประเทศถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญา
ความเห็นจากเจ้าของรางวัลโนเบลนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยืนหยัดปกป้องการปราบปรามโรฮิงญาของกองทัพ ที่ขับไล่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมเกือบ 700,000 คน จนต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศในปี 2560
การปราบปรามของกองทัพดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับบุคลากรทางทหารระดับสูง และข้อกล่าวหาล้างเผ่าพันธุ์ โดยผู้สืบสวนของสหประชาชาติ
ทหารพม่าได้กล่าวว่า การกระทำของพวกเขาเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสมที่จะกำจัดกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา การแก้ต่างที่ซูจีได้เน้นย้ำในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิเมื่อวันพุธ
“ยังมีองค์ประกอบของพวกหัวรุนแรงที่ไม่ต้องการสันติภาพในรัฐยะไข่ เพราะสำหรับผู้ก่อการร้าย ปัญหาเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเติบโต” ซูจี อ้างถึงการโจมตีของกลุ่มกบฏโรฮิงญาในปี 2560 ที่นำมาสู่ปฏิบัติการกวาดล้างของกองทัพ
“ดังนั้น เราจึงรู้สึกผิดหวังที่ประชาคมโลกให้ความสนใจน้อยมากต่อองค์ประกอบการก่อการร้ายของปัญหาในรัฐยะไข่” ซูจี กล่าว
กบฏชาติพันธุ์ยะไข่ที่เป็นชาวพุทธ กำลังต่อสู้กับกองทัพในรัฐที่แตกแยกจากความขัดแย้งและความเกลียดชังในระดับชุมชน
ซูจี ที่ถูกกักบริเวณในบ้านพักนาน 15 ปี ในช่วงการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร เคยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ แต่ชื่อเสียงในระดับนานาชาติของซูจีต้องมัวหมองจากการปราบปรามโรฮิงญาที่เกิดขึ้น
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจีต้องแบ่งอำนาจกับทหารที่ปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็กมานานเกือบ 5 ทศวรรษ ซึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทหารร่างขึ้นนั้น ได้สงวนที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาให้แก่ผู้แทนจากกองทัพ รวมทั้งกระทรวงที่ดูแลด้านความมั่นคงทั้งหมด
คำมั่นสัญญาของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่สำเร็จ และซูจีได้กล่าวกับนิกเกอิ ว่า การแก้ไขไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งปีหน้า
“เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจะเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นได้เร็วเพียงใดนั้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะคาดเดา ทหารไม่ได้กระตือรือร้นมากนักเกี่ยวกับการปรับแก้ในสิ่งที่เราเสนอ” ซูจี กล่าว.