xs
xsm
sm
md
lg

รองนายกฯ เวียดนามจี้รถไฟฟ้าสายแรกของเมืองหลวงต้องเริ่มวิ่งภายในปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รูปจากเว็บไซต์ Zing.Vn
MGR ออนไลน์ - รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ลั่นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรกของกรุงฮานอยควรทำให้แน่ใจว่าโครงการสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปีนี้

ระหว่างการเยี่ยมชมโครงการรถไฟฟ้าสายก๊าตลีง-ห่าโดง (Kat Linh-Ha Dong)ในวันนี้ (1) รองนายกรัฐมนตรีจีง ดิ่ง ยวุ๋ง กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของผู้รับเหมาที่จะเอาชนะความท้าทายอุปสรรคต่างๆ และทำให้โครงการประสบความสำเร็จ

ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า โครงการจำเป็นต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทั้งหมดก่อนเริ่มดำเนินการ ส่วนงานธุรการต่างๆ สามารถทำให้เสร็จสิ้นในภายหลังได้

เหวียน ดึ๊ก ชุง ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอย กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายนี้ควรที่จะเข้าสู่การดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือน ก.ย.2560 ซึ่งเมืองได้ดำเนินการว่าจ้างและฝึกอบรมพนักงาน 1,000 คน รวมทั้งการจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงาน

“2 ปีต่อมา การฝึกอบรมทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ แต่การดำเนินการของรถไฟฟ้ายังล่าช้า ซึ่งพนักงานบางส่วนได้ออกไปแล้ว” เหวียน ดึ๊ก ชุง กล่าว

รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำเป็นต้องนั่งลงหารือร่วมกันกับผู้รับเหมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เหลืออยู่ เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์บางส่วนได้ภายในระยะเวลา 1 เดือนถึง 1 เดือนครี่ง

คำสั่งจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีขึ้นหลังในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีรายงานว่า รถไฟฟ้าสายแรกเหลือการทำงานอีกเพียง 1% เท่านั้นก็จะแล้วเสร็จ โดยบริษัท China Railway Sixth Group Co Ltd ที่รับผิดชอบโครงการยังดำเนินงานในส่วนก่อสร้างและงานธุรการเพื่อส่งมอบเส้นทางรถไฟฟ้าสายแรกของกรุงฮานอยใหแก่กระทรวงคมนาคมยังไม่เสร็จเรียบร้อย

การดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายก๊าตลีง-ห่าโดง เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 และเดิมมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2556 แต่เพราะอุปสรรคนานัปการ รวมทั้งปัญหาการเบิกจ่ายเงินกู้ที่เพิ่งได้รับการแก้ไขไปในเดือน ธ.ค.2560 ทำให้โครงการชะงักงันมานานหลายปี

ในที่สุดรถไฟฟ้าสายนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบในเดือน มี.ค. และกระทรวงต้องการให้การดำเนินการเชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นได้ในปลายเดือน เม.ย. แต่กำหนดเส้นตายดังกล่าวก็ต้องเลื่อนออกไปอีก

โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าตัวเลขเดิมถึง 2 เท่า จาก 8.8 ล้านล้านด่ง (377 ล้านดอลลาร์) เป็น 18 ล้านล้านด่ง (771 ล้านดอลลาร์) ตามการระบุของผู้ตรวจเงินแผ่นดิน.

Accompanying Photos Courtesy of Zing.Vn


กำลังโหลดความคิดเห็น