xs
xsm
sm
md
lg

ชุมชนผลิตเส้นไหมในเวียดนามเริ่มกังวลคนรุ่นใหม่ไหลเข้าเมืองหวั่นไร้ผู้สืบสาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี - รังไหมสีเหลืองทองลอยผลุบโผล่ในหม้อน้ำต้มขนาดใหญ่ วงล้อไม้หมุนวนไม่หยุดสาวด้ายไหมขึ้นจากรังด้านล่างอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือความชำนาญของชาวบ้านในหมู่บ้านโก๋เจิ๊ต (Co Chat) ชุมชนเล็กๆ ใน จ.นามดิ่ง ทางภาคเหนือของเวียดนาม ที่หลายครอบครัวมีอาชีพผลิตเส้นไหมมานานกว่า 100 ปี

หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ ไปทางใต้เพียง 2 ชั่วโมง และฤดูกาลผลิตผ้าไหมก็ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

คนงานหลายสิบคนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกำลังง่วนอยู่กับการคนหม้อต้มขนาดใหญ่ ค่อยๆ คลี่เส้นใยออกจากรังไหมอย่างระมัดระวังผ่านไอน้ำร้อนที่พวยพุ่ง เมื่อเส้นใยสีเหลืองและสีขาวหมุนไปบนวงล้อไม้ คนงานจะรวมเส้นใยที่ได้เหล่านี้ไปแขวนราวผึ่งตากให้แห้ง

“การผลิตเส้นไหมจากรังไหมขึ้นอยู่กับสภาพอากาศถึง 90%” ฝ่าม วัน บ่า เจ้าของโรงผลิตเส้นไหม ที่ครอบครัวทำอาชีพผลิตเส้นไหมสืบต่อกันมาถึง 3 รุ่น กล่าว

“ผลผลิตของเราจะเสียหายหากเส้นไหมเหล่านี้ไม่ถูกตากให้แห้งใต้แสงอาทิตย์” ฝ่าม วัน บ่า อธิบายกับนักข่าว และเสริมว่า แม้แต่เส้นไหมคุณภาพดีก็ยังสามารถถูกทำลายได้ด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่

คนงานแต่ละคนผลิตเส้นไหมจากรังไหมราว 30 กิโลกรัมในแต่ละวัน และท้ายที่สุด ด้ายไหมที่ผลิตได้เหล่านี้จะถูกขายให้แก่ผู้ค้าที่ส่งออกไปยังลาวและไทย

แม้บางครอบครัวจะลงทุนซื้อเครื่องจักรทันสมัยมาช่วยผลิตเส้นไหม แต่คนส่วนใหญ่ในชุมชนยังคงเลือกใช้วิธีการสาวใยจากรังด้วยตะเกียบ เนื่องจากการสาวไหมด้วยตนเองนั้นทำให้การกู้เส้นไหมจากรังที่ยังใช้การได้ทำได้ง่ายขึ้น

คนงานแต่ละคนมีรายได้ประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งเจิ่น ถิ เฮียน หนึ่งในคนงานระบุว่าไม่มั่นคงนัก

“หากราคาตลาดสูงขึ้นตอนนั้นเราคงมีกำไรบ้าง ไม่อย่างนั้นคงพอแค่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของเราเท่านั้นเอง” คนงานวัย 37 ปี นั่งข้างตะกร้ารังไหมสีเหลืองที่รอการคัดแยก

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เจิ่น ถิ เฮียน กังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากคนรุ่นใหม่จำนวนมากถูกดึงไปใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนเมือง

“ลูกๆ ของฉันบอกว่า งานนี้ยากเกินไป พวกเขาจะหางานอย่างอื่นทำ” เจิ่น ถิ เฮียน กล่าว.














กำลังโหลดความคิดเห็น