เอเอฟพี - การปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรัฐยะไข่ของพม่าเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 แล้ววานนี้ (22) ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของประชาชนให้รัฐบาลยุติการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร ที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า การปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเช่นนี้อาจเป็นการปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. ใน 8 เมืองของรัฐยะไข่ และ 1 เมืองของรัฐชิน พื้นที่ที่ทหารกำลังต่อสู้กับกองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มติดอาวุธชาติพันธ์ยะไข่ที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง
เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า อินเทอร์เน็ตถูกใช้เพื่อประสานงานปฏิบัติการโจมตี ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า การปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตจะยิ่งทำให้กองกำลังทหารดำเนินการปฏิบัติการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องรับโทษ
แต่อย่างไรก็ตาม การปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ประชาชนที่พยายามเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตั้งแต่สถานการณ์น้ำท่วม ไปจนถึงการสู้รบที่เกิดขึ้น
“มันเหมือนกับการปิดข่าว” ซอ อู ชาวบ้านจากเมืองมรัคอู กล่าวและว่า ผู้คนไม่สามารถแบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนได้
พื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ ยังเป็นพื้นที่ที่ทหารดำเนินการปราบปรามอย่างรุนแรง ที่ผลักดันให้ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 740,000 คน ต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศ
ผู้สืบสวนสหประชาชาติเรียกร้องให้นายพลระดับสูงของกองทัพพม่าที่กำกับดูแลการปราบปรามถูกฟ้องดำเนินคดีจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วอชิงตันได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อ พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ จากบทบาทการเป็นผู้นำในการดำเนินการกวาดล้างชาติพันธุ์
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Fortify Rights กล่าวว่า การปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตนับว่ายาวนานที่สุดที่เคยเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 1 ล้านคน ถึงแม้จะมีเจตนามุ่งเป้าที่กลุ่มติดอาวุธ แต่ก็นับว่าไม่ถูกสัดส่วนอย่างมาก
แต่เมียว ส่วย ผู้อำนวยการกรมไปรษณีย์และโทรคมนาคม กล่าวป้องการปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตว่าดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
“เรายังไม่รู้ว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อใด” เมียว ส่วย กล่าว.