เอเอฟพี - ชายชาวพม่าที่ถูกทหารควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำในรัฐยะไข่ เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างการควบคุมตัว ครอบครัวของผู้เสียชีวิต เผย ขณะที่กองทัพพม่ากำลังทำสงครามกับกลุ่มกบฏในพื้นที่เดียวกันกับที่ทหารดำเนินการปราบปรามจนชาวมุสลิมโรฮิงญาต้องอพยพหลบหนีกันเป็นจำนวนมากในปี 2560
กองทัพพม่าได้ระดมกำลังทหารหลายพันนนายลงพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ในความพยายามที่จะบดขยี้กองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มกบฏที่กล่าวว่ากำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิการปกครองตนเองให้แก่ชาวพุทธยะไข่
ทหารปิดล้อมหมู่บ้านทั้งหมดและรวบรวมตัวชาวบ้านเพื่อสอบปากคำ ด้วยมีเป้าหมายที่จะกำจัดสมาชิกของกองทัพอาระกัน และผู้ที่เห็นอกเห็นใจฝ่ายกบฏ
ซอ วิน หล่าย อายุ 28 ปี ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ในเมืองมรัคอู ถัดจากนั้น 5 วัน เขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลท้องถิ่น และถูกส่งต่อไปรักษาที่เมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐ แต่อาการของซอ วิน หล่าย แย่ลง และเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ (1) ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น
แม่ของหล่าย ยืนยันการเสียชีวิตของลูกชาย และกล่าวว่า ลูกชายของเธอไอออกมาเป็นเลือดเป็นจำนวนมาก
“ลูกชายของฉันบอกฉันว่าพวกเขาทุบตี และทรมานเขาด้วยการใช้โสร่งที่มีหินอยู่ข้างในฟาดลงไปที่หลังของเขา” แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าว
โฆษกของกองทัพกล่าวกับเอเอฟพีว่า เขาได้รับทราบถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของซอ วิน หล่าย และทหารจะดำเนินการสอบสวนต่อข้อร้องเรียน แต่ยืนยันว่า การทรมานถูกห้ามกระทำระหว่างการสอบสวน
พื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามคำสั่งของรัฐบาล ทำให้การรายงานข่าวอย่างเป็นอิสระเป็นเรื่องยาก
เมื่อวันอังคาร (2) ยางฮี ลี ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ เตือนว่า การละเมิดจากทั้งสองฝ่ายของความขัดแย้งครั้งล่าสุดนี้ อาจเทียบได้กับอาชญากรรมสงคราม
พลเรือนหลายสิบคนติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบ แม้กระทั่งผู้ที่เข้าหลบภัยอยู่ในวัด
กองทัพยืนยันว่า ยิงชาวยะไข่ที่ถูกควบคุมตัวเสียชีวิต 6 คน ในปลายเดือน เม.ย. โดยกล่าวว่า กองกำลังทหารทำเพื่อป้องกันตนเอง
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนกำลังเรียกร้องการสอบสวนอย่างเป็นอิสระกับเหตุเสียชีวิตของพลเรือนอย่างน้อย 14 คน ที่เสียชีวิตระหว่างถูกทหารควบคุมตัวหรือไม่นานหลังจากถูกทหารควบคุมตัว
“กองทัพกำลังปฏิบัติการในรัฐยะไข่โดยได้รับการยกเว้นโทษ” จอห์น ควินลีย์ จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนฟอร์ติฟาย ไรท์ กล่าว
คาดว่าประชาชนมากกว่า 35,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากที่พักอาศัย และเกือบ 100,000 คน ไม่สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานได้
พื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ยังเป็นศูนย์กลางการปราบปรามอย่างรุนแรงของทหารต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาเมื่อ 2 ปีก่อน ที่เป็นผลให้โรฮิงญากว่า 740,000 คน ต้องอพยพข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศ ซึ่งผู้สอบสวนของสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อนายพลระดับสูงของพม่าจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์.