เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เวียดนามระบุในที่ประชุมร่วมกับแบรนด์ชื่อดังต่างๆ ที่รวมทั้ง Yamaha และ Grab ว่า ผู้ลงโฆษณายูทิวป์ควรหยุดการโพสต์โฆษณาในช่องที่มีเนื้อหา ‘พิษ’ ต่อต้านรัฐ
ประเทศคอมมิวนิสต์เข้มงวดต่อความเห็นต่างบนโลกออนไลน์ เมื่อนักวิจารณ์หันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่ความเห็นไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐพรรคเดียวแห่งนี้
กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ที่อนุมัติรับรองเมื่อปีก่อน เรียกร้องให้บริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google และ Facebook กำจัดเนื้อหาพิษออกจากเว็บไซต์ของตัวเอง และส่งมอบข้อมูลผู้ใช้งานหากรัฐบาลร้องขอ
แม้ประเด็นปัญหาเรื่องการลงโฆษณาจะไม่ได้รวมอยู่ในกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ แต่ทางการยังกำหนดห้ามบริษัทต่างๆ ลงโฆษณาในเว็บไซต์ที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านรัฐ
ในวันอังคาร (25) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม ที่เป็นประธานในการประชุมร่วมกับนักโฆษณาชั้นนำ เรียกร้องให้พวกเขายุติการจ่ายเงินเพื่อโพสต์โฆษณาบนช่องยูทิวป์ ที่มีเนื้อหาไม่ดีหรือเป็นพิษ
ทางการเวียดนามมักใช้คำว่า ‘พิษ’ ในการอธิบายถึงสิ่งที่มีเนื้อหาต่อต้านรัฐ
“เราได้ส่งจดหมายเตือนไปยัง 100 แบรนด์ที่มีการโฆษณาหรือลงแบนเนอร์บนคลิปหรือช่องที่ละเมิดกฎหมายเวียดนาม” เหวียน แถ่ง เลิม หัวหน้าฝ่ายการแพร่ภาพออกอากาศและข้อมูลดิจิทัล ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าว
บริษัทที่เข้าร่วมการประชุมราว 10 แบรนด์ ยังรวมถึง Yamaha Grab กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม FLC และกลุ่มบริษัทค้าปลีก Vincom
สื่อทางการรายงานก่อนหน้านี้ว่า เวียดนามได้ส่งหนังสือเตือนไปยังบริษัท Samsung Electronics และบริษัท Huawei Technologies เกี่ยวกับการโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย และมีบางบริษัทได้เริ่มปฏิบัติตามแล้ว
“เรากำลังตรวจสอบอย่างรอบคอบในทุกช่องที่เราดำนินการเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต” เจิ่น ต่วน แอ็ง จาก Shopee ระบุ
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีคลิปวิดีโอบนยูทิวป์ 55,000 ชิ้น มีเนื้อหาไม่ดีหรือเป็นพิษ และคลิป 8,000 ชิ้น ถูกลบออกจากหน้าเว็บไซต์ แต่เหวียน แถ่ง เลิม ร้องเรียนว่ายูทิวป์มักใช้วิธีการลบแค่คลิปที่มีปัญหา มากกว่าที่จะบล็อกทั้งช่อง
เนื่องจากสื่ออิสระในประเทศทั้งหมดถูกห้ามดำเนินการ รวมทั้งห้ามการชุมนุมประท้วง ทำให้นักเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ ย้ายไปพึ่งสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อแสดงความเห็นหรือเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง
เฟซบุ๊กได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในเวียดนาม โดยมากกว่าครึ่งของชาวเวียดนาม 95 ล้านคนใช้เฟซบุ๊ก แต่ยูทิวป์กำลังได้รับความนิยมใช้งานกันมากขึ้นในหมู่นักเคลื่อนไหวทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศ
ทั้งเฟซบุ๊กและยูทิวป์ ปฏิบัติตามคำร้องของเวียดนามในการลบเนื้อหาต่อต้านรัฐ ที่สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มผู้สนับสนุนเรียกร้องเสรีภาพอินเทอร์เน็ต.