รอยเตอร์ - เวียดนามกลายเป็นพื้นที่ที่น่าจับตาสำหรับนักลงทุนด้านพลังงาน ด้วยอาจมีการลงทุนมากถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศ ในขณะที่การผลิตพลังงานจากถ่านหินยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักแม้จะมีสัญญาณของความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาสิ่งแวดล้อม
ด้วยจำนวนประชากรที่กำลังจะแตะ 100 ล้านคน และการเติบโตของจีดีพีต่อปีประมาณ 7% เป็นที่คาดกากรณ์ว่าการผลิตพลังงานของประเทศจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากประมาณ 47,000 เมกะวัตต์ ในปัจจุบัน เป็น 60,000 เมกะวัตต์ ในปี 2563 และ 129,500 เมกะวัตต์ในปี 2573
“เวียดนามถือเป็นสถานที่ที่ทำให้อุตสาหกรรมถ่านหินเติบโตอย่างมาก ความต้องการถ่านหินจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล” แพท มาร์คีย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษา Sierra Vista Resources สิงคโปร์ กล่าว
จากที่เคยพึ่งพาพลังงานน้ำเป็นส่วนใหญ่ ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการผลิตสำหรับบริษัทระดับโลก เช่น ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ได้เปลี่ยนมาพึ่งพาแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกแต่ก่อมลพิษ อย่างถ่านหิน เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้า
การใช้ถ่านหินของเวียดนามในระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี 2560 เติบโตขึ้นถึง 75% ซึ่งเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก ตามรายงานการวิจัยของแอชเซ็นเตอร์ วิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้
แผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับปัจจุบัน (PDP7) ของเวียดนาม กำหนดให้ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานแถวหน้าและศูนย์กลางในการตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ขณะที่การผลิตพลังงานกำหนดเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งแผนพัฒนาพลังงานคาดการณ์ว่าการผลิตพลังงานด้วยถ่านหินจะเติบโตอย่างรวดเร็วจนถึง 2573 และมีส่วนแบ่งในตลาดพลังงานเพิ่มจาก 33% เป็น 56%
แต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นในปี 2559 ด้วยแผนพัฒนาพลังงาน PDP7 ฉบับปรับปรุง ได้เริ่มนำพลังงานหมุนเวียนเข้ามาใช้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 ที่มีกำหนดเผยแพร่ในปลายปีนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพิ่มเติม
“หนึ่งในความสำคัญลำดับต้นของเวียดนามคือการพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อที่จะค่อยๆ ลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานดั้งเดิมของประเทศ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม” รัฐมนตรีช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวในคำแถลงที่โพสบนเว็บไซต์ของกระทรวงเมื่อต้นเดือน
ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับปัญหามลพิษที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้เริ่มเสนอสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ที่จนถึงเวลานี้มีสัดส่วนเพียงแค่เล็กน้อยในภาคพลังงานของประเทศ
ตามที่ระบุอยู่ในร่างกฎหมายที่วางแผนไว้สำหรับเดือนมิ.ย. การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ที่เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ จะจ่ายเงินให้กับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ระหว่าง 6.67-10.87 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
“ความสนใจในเรื่องพลังงานแสดงอาทิตย์มีสูงมากเนื่องจากการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ในระดับสูง” ดีเตอร์ บิลเลน จากบริษัทที่ปรึกษา Roland Berger กล่าว
หนึ่งในผู้พัฒนารายแรกๆ ที่เข้ามาลงทุนในภาคพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนามคือบริษัท Gulf Energy จากไทย ที่ในปีนี้ได้เข้ามาดำเนินโครงการระยะยาว ที่จะได้รับประโยชน์จากการรับซื้อไฟฟ้า
บิลเลน กล่าวว่า ความสนใจในพลังงานลมก็กำลังเติบโตเช่นกัน จากการรับซื้อไฟฟ้าที่ 8.5 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับโครงการบนฝั่งและ 9.8 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงจากโครงการนอกชายฝั่ง
ในเดือนมิ.ย. สภาพลังงานลมโลก (GWEC) จะจัดการประชุมที่กรุงฮานอย ของเวียดนาม เพื่อผลักดันการเติบโตในตลาดใหม่
บิลเลน จากโรแลนด์ เบอร์เกอร์ ระบุว่า หากนโยบายของรัฐบาลยังคงให้การสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน และเมื่อลมและแสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพดีกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อนั้นพลังงานหมุนเวียนอาจท้าทายถ่านหิน ที่เป็นแหล่งผลิตพลังงานแหล่งใหญ่ที่สุดของเวียดนามในปี 2573
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตามแผนระยะยาวภายใต้แผนพัฒนาพลังงาน PDP8 เวียดนามยังคงจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูง
“เวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ดังนั้นพวกเขาจำเป็นที่จะต้องขยายกำลังการผลิตพลังงานโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้เพื่อที่จะสามารถควบคุมต้นทุนได้” มาร์คีย์ จาก Sierra Vista กล่าว
การใช้พลังงานไฟฟ้าทำสถิติสูงถึง 36,000 เมกะวัตต์ในเดือนนี้ เกือบเท่ากับกำลังการผลิตสูงสุดที่มีอยู่ ตามข้อมูลของรัฐบาล ขณะที่ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลได้ขอให้ผู้บริโภคไม่ตั้งค่าอุณภูมิเครื่องปรับอากาศต่ำเกินไปเพื่อเลี่ยงปัญหาไฟฟ้าดับ
ธนาคารโลกกล่าวว่าเวียดนามจำเป็นต้องลงทุนมากถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2573 หรือเกือบ 2 เท่าของ 80,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นงบประมาณที่ใช้ไปกับภาคพลังงานของประเทศตั้งแต่ปี 2553
หัวหน้าฝ่ายจำหน่ายแร่ของบริษัท Tata International คาดการณ์ว่า การนำเข้าถ่านหินต่อปีของเวียดนามจะเติบโตขึ้นจาก 20 ล้านตัน เป็น 30 ล้านตันในอีก 1 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแหล่งสำรองในประเทศกำลังลดลง
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ การนำเข้าถ่านหินของเวียดนามเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากปีก่อนหน้านี้ ที่ 13.34 ล้านตัน ตามข้อมูลของศุลกากรเวียดนาม
มาร์คีย์ กล่าวว่า การนำเข้าคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 80-110 ล้านตัน ระหว่าง 2573-2583 เทียบกับความต้องการในปัจจุบันที่ 63 ล้านตัน ซึ่งการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้จะทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดรุ่งเรืองแห่งสุดท้ายสำหรับสิ่งที่หลายคนว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เริ่มไม่ได้รับความนิยม.