เอเอฟพี - สหรัฐฯ เริ่มดำเนินการทำความสะอาดพื้นที่จัดเก็บฝนเหลืองในเวียดนาม สารเคมีที่ทำให้ใบไม้ร่วง และถูกนำมาใช้ในสงครามที่หลายปีต่อมายังคงถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กพิการอย่างร้ายแรงแต่กำเนิด โรคมะเร็ง และความพิการต่างๆ
ฐานทัพอากาศเบียนฮว่า (Bien Hoa) ชานนครโฮจิมินห์ พื้นที่ล่าสุดที่กำหนดให้อยู่ในโครงการฟื้นฟูมูลค่า 183 ล้านดอลลาร์ ถัดจากการทำความสะอาดฐานทัพอากาศนครด่าหนังเมื่อปีก่อน โดยฐานทัพแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่จัดเก็บหลักสำหรับฝนเหลือง และถูกเก็บกวาดอย่างเร่งด่วนในช่วงที่สงครามใกล้สิ้นสุดลงเมื่อกว่า 40 ปีก่อน
กองกำลังสหรัฐฯ โปรยฝนเหลือง 80 ล้านลิตรเหนือเวียดนามใต้ระหว่างปี 2505-2514 เพื่อกำจัดแหล่งกำบังและอาหารให้กองกำลังเวียดกงออกจากที่หลบซ่อน
แต่การรั่วไหลของสารเคมีจากปฏิบัติการเก็บกวาด เชื่อว่าสารเคมีเหล่านี้ไหลซึมไปไกลกว่าบริเวณฐานทัพ และลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ และเชื่อมโยงกับความพิการทางร่างกายและจิตใจของชาวเวียดนามหลายต่อหลายรุ่น ที่ปรากฏอาการตั้งแต่ศีรษะบวมโต และแขนขาผิดรูป
ที่ฐานทัพเบียนฮว่า สารไดออกซินมากกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตรปนเปื้อนอยู่ในดินและตะกอน ทำให้เบียนฮว่าเป็นพื้นที่อันตรายที่ยังเหลืออยู่ในเวียดนามที่ใหญ่ที่สุด ตามคำแถลงขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ที่เริ่มโครงการความพยายามฟื้นฟูระยะเวลา 10 ปี เมื่อวันเสาร์ (20)
ปริมาณสารไดออกซินในเบียนฮว่ามีมากกว่าที่กำจัดในสนามบินด่าหนังถึง 4 เท่า ซึ่งใช้ทุนในการกำจัด 110 ล้านดอลลาร์ เป็นเวลา 6 ปี และเสร็จสิ้นลงเมื่อเดือนพ.ย.2561
ทางการเวียดนาม ระบุว่า ชาวเวียดนามมากถึง 3 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากฝนเหลือง และจากจำนวนดังกล่าว ราว 1 ล้านคนต้องทนทุกข์จากปัญหาด้านสุขภาพอย่างร้ายแรงในทุกวันนี้ ที่รวมทั้งเด็กที่พิการแต่กำเนิดอย่างน้อย 150,000 คน
เหยื่อชาวเวียดนามพยายามที่จะเรียกร้องการชดเชยจากสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ศาลสูงสหรัฐฯ ในปี 2552 ปฏิเสธที่จะดำเนินคดี และทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้ผลิตสารเคมีต่างปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ยอมรับโดยตรงถึงความเชื่อมโยงระหว่างฝนเหลืองและความพิการแต่กำเนิด แต่ USAID ออกบันทึกแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐที่จะปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พิการใน 7 จังหวัดของเวียดนาม.
