ฮานอยแถลงเสียใจศาลมาเลย์ไม่ปล่อยตัวผู้ต้องหาเวียดนามคดีฆ่าพี่ชายผู้นำคิม

เอเอฟพี - ทางการฮานอยระบุว่ารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของอัยการมาเลเซียที่ไม่อนุมัติปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงชาวเวียดนามที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือ และได้เรียกร้องการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

ศาลมาเลเซียปฏิเสธถอนฟ้องข้อหาฆาตกรรมของ ดว่าน ถิ เฮือง หลังซีตี ไอชาห์ ผู้ต้องหาร่วมชาวอินโดนีเซีย ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระอย่างไม่คาดคิดเมื่อไม่กี่วันนี้

ทั้งคู่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีการลอบสังหาร คิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำคิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือ เมื่อปี 2560 ด้วยสารพิษทำลายประสาท ที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งทั้งสองยืนยันว่าถูกหลอกให้กระทำการดังกล่าวเพราะคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายการทีวี

หลังซีตี ไอซาห์ ได้รับการปล่อยตัวในวันจันทร์ (11) ทางการเวียดนามที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาเป็นเวลาหลายเดือน ได้เรียกร้องการปล่อยตัวเฮืองในสัปดาห์นี้

ทั้งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนาม ได้ขอให้ทางการกัวลาลัมเปอร์ปล่อยตัวพลเมืองของประเทศ

“เราเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ว่าศาลมาเลเซียไม่ได้ปล่อยตัวดว่าน ถิ เฮือง เป็นอิสระในทันที” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม กล่าวกับผู้สื่อข่าววันนี้ (14)

“เราต้องการให้ดว่าน ถิ เฮือง ได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมและได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ” โฆษกหญิง กล่าว และเผยว่ารัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้พบหารือถึงคดีดังกล่าวกับเอกอัครราชทูตมาเลเซียในกรุงฮานอย หลังศาลมีคำตัดสินปฏิเสธถอนฟ้องข้อหาฆาตกรรมและไม่อนุมัติคำขอปล่อยตัว

การพิจารณาคดีถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 เม.ย. หลังผู้พิพากษากล่าวว่า เฮืองไม่พร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจที่จะร่วมในกระบวนการทางกฎหมายในวันนี้ (14)

เฮืองร้องไห้โฮหลังศาลประกาศคำตัดสิน และได้กล่าวกันนักข่าวว่าเธอรู้สึกหดหู่ เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ และเธอต้องการให้ครอบครัวของเธอสวดภาวนาเอาใจช่วยเธอ

ทนายความของเฮืองกล่าวว่า พวกเขาจะยื่นคำร้องเพื่อขอยกฟ้องข้อหาฆาตกรรมเมื่อการพิจารณากลับมาดำเนินการอีกครั้ง และเธอจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพจิตใจ

“เธอไม่อยู่ในจุดที่จะให้การได้เนื่องจากสภาวะทางสุขภาพของเธอ” อัยการ กล่าว

อินโดนีเซียระบุว่าพวกเขาล็อบบี้มาเลเซียเพื่อปล่อยตัวซีตี ไอซาห์ และทอมมี โทมัส อัยการสูงสุดมาเลซียเห็นชอบการปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงรายนี้ โดยอ้างถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวในภายหลังว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามกรอบของหลักนิติรัฐและปฏิเสธข้อกล่าวหาการแทรกแซง

เฮืองอาจเผชิญกับโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง.