รอยเตอร์ - นายไฮโค มาส รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า เขาจะใช้โอกาสในการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามหารือถึงการปรับความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสองประเทศ หลังจากในช่วงที่ผ่านมา สองฝ่ายมีความขัดแย้งจากคดีลักพาตัวนักธุรกิจชาวเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน
มาส กล่าวว่า เวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญของเยอรมนีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยกย่องฮานอยถึงความก้าวหน้าสำคัญในการเปิดเศรษฐกิจ และดำเนินการปฏิรูปในด้านต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคยุโรป
“ในช่วงที่ผ่านมา มีความขัดแย้งแตกต่างระหว่างเยอรมนีและเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องการลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง พลเมืองเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน แต่วันนี้ เราต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการตั้งต้นใหม่ในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามและเยอรมนี” นายไฮโค มาส ระบุในคำแถลง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดขึ้นในปี 2560 หลังเยอรมนีกล่าวหาเวียดนามละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศจากการลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง นักธุรกิจชาวเวียดนามที่แสวงหาที่ลี้ภัยในเยอรมนี ซึ่งเหตุการณ์ลักพาตัวนี้เกิดขึ้นในกรุงเบอร์ลิน นายแถ่ง ถูกนำตัวกลับไปเวียดนามและถูกตัดสินความผิดได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
ต่อมา ในเดือน ก.ค. ศาลเยอรมนีได้ตัดสินความผิดลงโทษจำคุกชายชาวเวียดนามเป็นเวลา 10 เดือน หลังชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่าช่วยเหลือสายลับของประเทศลักพาตัวนายจีง ซวน แถ่ง
ในคำแถลงที่ออกก่อนหน้าการพบหารือกับนายฝ่าม บิ่ง มีง รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน มาส เน้นย้ำถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชนและค่านิยมในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
มาส กล่าวว่า เวียดนามมุ่งมั่นต่อการค้าเสรีและระบบพหุนิยมเช่นเดียวกับเยอรมนี มีความรับผิดชอบต่อโลกและมีส่วนร่วมในการปกป้องสภาพอากาศ ซึ่งยังมีพื้นที่อีกหลากหลายด้านที่เยอรมนีและเวียดนามสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนาคต
มาส ยังระบุว่า เยอรมนีสนับสนุนการเห็นพ้องกันอย่างรวดเร็วในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม
ทั้งนี้ สองประเทศเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2518 และยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี 2554.