รอยเตอร์ - ชาวพม่าชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์จำนวนมากหลบหนีจากที่อยู่อาศัยในรัฐยะไข่ข้ามแดนเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศในช่วงหลายวันมานี้ ท่ามกลางการสู้รบที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องระหว่างทหารพม่า และกลุ่มกบฏชาวยะไข่ ตามการเปิดเผยของนักเคลื่อนไหว และเจ้าหน้าที่รักษาชายแดนบังกลาเทศ
ชาวพม่าราว 38 ครอบครัว กล่าวว่า พวกเขาหลบหนีออกจากบ้านของตัวเองเพราะกลัวการโจมตีจากเฮลิคอปเตอร์ทหาร ตามการระบุของผู้บัญชาการหน่วยรักษาชายแดนบังกลาเทศ (BGB) ในเมืองบันดาร์บัน ที่ชาวพม่า 136 คน อาศัยหลบภัยอยู่ในเวลานี้
การปะทะกันระหว่างทหารพม่าและกองทัพอาระกัน ที่กองกำลังส่วนใหญ่เป็นชาวยะไข่ ส่งผลให้ผู้คนในหลายพื้นที่ของรัฐยะไข่ และรัฐชินต้องพลัดถิ่นมากกว่า 5,000 คน ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.
ผู้นำพม่าให้คำมั่นว่าปราบปรามกลุ่มกบฏที่กำลังต่อสู้เพื่อแสวงหาการปกครองตนเอง และขัดขวางหน่วยงานบรรเทาทุกข์ไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ ก่อให้เกิดความวิตกว่า พลเรือนจำนวนมากจะประสบกับความทุกข์ทรมานในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยปัญหาความแตกแยกระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อันซับซ้อน
รัฐยะไข่ ที่ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ในปี 2560 เกิดเหตุโจมตีด่านรักษาความมั่นคงโดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา จนทหารดำเนินการปราบปรามตอบโต้ ที่เป็นผลให้ชาวโรฮิงญามากกว่า 730,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านเรือนเข้าไปอาศัยตามค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองคอกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศ
วิน เต็ง สมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนบังกลาเทศ ระบุว่า เขาได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่สมาชิกของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์คูมิ โช และยะไข่ ในค่ายพักกลางป่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ข้ามพรมแดนเข้ามาในฝั่งบังกลาเทศตั้งแต่วันอาทิตย์และวันจันทร์ หลบหนีออกจากหมู่บ้านในเมืองปาเลตวา ของรัฐชิน หลังได้ยินเสียงปืน และเห็นเฮลิคอปเตอร์บินอยู่ไม่ไกล
ชาวบ้านบางส่วนกล่าวว่า พวกเขาเห็นทหารพม่าปล้นทรัพย์และวางเพลิงเผาบ้าน
วิน เต็ง กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยเด็กบางส่วนป่วยหนักและไม่สามารถเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ได้
“ที่นั่นไม่มีผ้าห่มแม้แต่ผืนเดียวและอากาศหนาวเย็นมาก” วิน เต็ง กล่าว
บังกลาเทศได้เรียกพบทูตพม่าเพื่อประท้วงเกี่ยวกับผู้อพยพกลุ่มใหม่ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ ขณะที่ผู้บัญชาการหน่วยรักษาชายแดนบังกลาเทศ กล่าวว่า ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ใกล้ชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนของผู้ลี้ภัย.