รอยเตอร์ - ประชาชนหลายพันคนที่อยู่ในชุดพื้นเมืองชาติพันธุ์และนักรบชาวกะเหรี่ยงต่างร่วมร้องรำทำเพลงกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี การต่อสู้เรียกร้องการปกครองตนเองจากพม่า
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) หนึ่งในกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยที่ทรงพลังที่สุดของประเทศที่อ้างว่ามีกองกำลังทหารมากกว่า 5,000 นาย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลหลังประเทศได้รับเอกราชในปี 2491
การเดินสวนสนามของ KNU ถือเป็นเครื่องเตือนใจว่า การยุติสงครามชาติพันธุ์ที่ดำเนินมายาวนานหลายสิบปีที่เป็นภารกิจสำคัญที่สุดของฝ่ายบริหารของนางอองซานซูจีนั้น ยังคงเป็นเรื่องยากลำบาก
นางอองซานซูจีพยายามอย่างหนักที่จะดำเนินการให้เกิดความคืบหน้าในการสร้างสันติภาพกับกลุ่มกบฎชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่แสวงหาการปกครองตนเอง ด้วยรัฐบาลของซูจีถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อความคับข้องใจและความต้องการของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์
การฉลองของ KNU ครั้งนี้เกิดขึ้นยังฐานที่มั่นซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลในเขตภูเขาใกล้ชายแดนพม่า-ไทย
“ประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติอันยาวนานนับ 70 ปี เป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก และในฐานะที่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติมานานถึง 50 ปี ผมสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากและเสียสละอย่างมาก” มาน นาย หม่อง หนึ่งในสมาชิกระดับสูงของ KNU กล่าวกับนิตยสารอิรวดี
ในการเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นอยู่หลายวันยังประกอบด้วยการแข่งขันเต้นรำพื้นบ้าน การแสดงละคร การเดินสวนสนามของเหล่าทหารของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) และการกล่าวสุนทรพจน์
ป้ายที่ติดไว้ในงานยังระบุข้อความเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางการเมืองบางส่วนของกลุ่ม ที่รวมทั้ง การเรียกร้องให้ “รักษากองกำลังของเรา” และ “ตัดสินชะตาทางการเมืองของเราเอง”
KNU ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลในปี 2555 หลังปะทะกันมานานมากกว่า 60 ปี ที่เป็นผลให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพไปฝั่งไทย แม้ผู้ลี้ภัยบางส่วนเดินทางกลับไปฝั่งพม่าแล้ว แต่ยังมีผู้อพยพอีกราว 100,000 คน อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ตามการระบุของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่าง KNU และกองทัพพม่ายังคงตึงเครียด.