รอยเตอร์/เอเอฟพี - การกำหนดอัตราภาษีศุลกรกาของสหภาพยุโรปกับข้าวที่นำเข้าจากกัมพูชาถือเป็น “อาวุธ” ที่ทำร้ายเกษตรกรผู้ยากจน และจะส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านชีวิตที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหลีกหนีความยากจน รัฐบาลกัมพูชาระบุ
คณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า จะกำหนดอัตราภาษีข้าวที่นำเข้าจากกัมพูชาและพม่าเป็นเวลา 3 ปี เพื่อควบคุมการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งสหภาพยุโรประบุว่ากระทบต่อผู้ผลิตในภูมิภาค
คณะกรรมาธิการยุโรปที่กำกับดูแลนโยบายทางการค้าของกลุ่มจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ 175 ยูโรต่อข้าว 1 ตันในปีแรก และลดลงเหลือ 150 ยูโรในปีที่ 2 และ 125 ยูโรในปีที่ 3
พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติทางการค้าที่จะส่งผลกระทบต่อชาวกัมพูชาที่ยากจนหลายล้านชีวิต
“นี่เป็นการกระทำที่เคารพสิทธิมนุษยชนหรือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันแน่ การกระทำของคณะกรรมาธิการยุโรปเป็นการเลือกปฏิบัติทางการค้า” โสก อายสาน โฆษกพรรค CPP กล่าวกับนักข่าว
กัมพูชาและพม่าได้ประโยชน์จากโครงการ Everything But Arms (EBA) ที่สหภาพยุโรปอนุญาตให้ประเทศพัฒนาน้อยที่สุดของโลกส่งออกสินค้าทั้งหมดมายังตลาดของกลุ่มแบบปลอดภาษี
ในการสอบสวนของคณะกรรมาธิการยุโรป พบว่า ข้าวนำเข้าจากกัมพูชาและพม่ามีปริมาณเพิ่มขึ้น 89% ในช่วง 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังพบว่ามีราคาต่ำกว่าข้าวที่อยู่ในตลาดสหภาพยุโรป และลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน
แต่กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ระบุว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าวมาจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และเรียกการตัดสินใจของสหภาพยุโรปว่าเป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าเกษตรกรชาวกัมพูชา และขัดต่อกฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศ
“มันเป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาที่มีหนี้สิน” กระทรวงพาณิชย์เขมร ระบุ
เกือบครึ่งหนึ่งของข้าว 625,000 ตัน ที่กัมพูชาส่งออกทั้งหมด มีปลายทางยังตลาดสหภาพยุโรปในปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของรัฐบาล
เย มิน อ่อง จากสมาพันธ์ข้าวพม่า ได้กล่าวตำหนิความเคลื่อนไหวของสหภาพยุโรปเช่นกัน และระบุว่า การส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป มีสัดส่วนที่ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี
“เราขอเรียกร้องให้สหภาพยุโรปช่วยเหลือพวกเราต่อไป ประเทศของเรามีปัญหาอุปสรรคมากมายที่จะต้องแก้ไขจัดการ” เย มิน อ่อง กล่าว.