เอเอฟพี - กองทัพพม่ากล่าวหากลุ่มกบฏติดอาวุธก่อเหตุโจมตีจนทำให้ทหารส่วนหนึ่งเสียชีวิตในวันนี้ (28) ในเหตุปะทะครั้งแรกนับตั้งแต่ทหารประกาศหยุดยิงกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
กองทัพพม่าประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะหยุดความเคลื่อนไหวทางทหารทั้งหมดในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเป็นเวลา 4 เดือน ความเคลื่อนไหวที่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การยุติสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมายาวนานหลายสิบปี อาจเป็นหนทางที่จะโน้มน้าวให้กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เข้าสู่กระบวนการสันติภาพ ที่ติดขัดชะงักงันจากการสู้รบที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ชายแดน
แต่กองทัพพม่า กล่าวว่า กองกำลังทหารของพวกเขาที่ประจำการอยู่ในรัฐชานถูกโจมตีเมื่อวันพฤหัสฯ โดยกองกำลังของกองทัพรัฐชาน (SSA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS)
“ทหารของกองทัพส่วนหนึ่งเสียชีวิต และทหารส่วนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีถูกส่งไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทหาร” คำแถลงจากสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุวันนี้
“แต่กองทัพจะยังยืนหยัดอย่างหนักแน่นต่อประกาศการหยุดยิงของกองทัพ และตอบสนองต่อเหตุการณ์การโจมตีของ SSA ตามกฎหมาย” คำแถลง ระบุ
กองทัพยังตำหนิสื่อท้องถิ่นที่เผยแพร่รายงานการปะทะระหว่างกองทัพและกลุ่มติดอาวุธ โดยขู่ที่จะ “ดำเนินการตามกฎหมาย” ตามคำแถลงที่โพสต์โดยทีมข้อมูลของกองทัพ
อย่างไรก็ตาม นักข่าวไม่สามารถติดต่อตัวแทนจาก RCSS เพื่อขอความเห็นได้
แม้กองทัพจะประกาศหยุดยิง แต่พื้นที่ชายแดนของประเทศยังคงมีเหตุสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธ
โฆษกของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) หนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ขนาดใหญ่ที่ยังต่อสู้กับทหารพม่าในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ซับซ้อนอย่างมาก และ TNLA ยังคงต่อสู้กับ RCSS
โฆษกของ TNLA กล่าวว่า พวกเขาเคารพการหยุดยิงกับกองทัพของรัฐบาลพม่า และไม่ได้ก่อเหตุโจมตีทหารพม่า
“เราถูกสั่งให้อยู่ในพื้นที่ของเรา” โฆษก TNLA กล่าว
สถานการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้นตามพื้นที่ชายแดนของประเทศ นับตั้งแต่ประเทศเป็นอิสระจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีก่อน เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธกลุ่มต่างๆ ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องการปกครองตนเอง อัตลักษณ์ ทรัพยากร และเขตแดน
กระบวนการสันติภาพถูกยกขึ้นเป็นประเด็นสำคัญอันดับต้นของนางอองซานซูจี นับตั้งแต่พรรคของซูจีเข้าบริหารประเทศจากการชนะการเลือกตั้งในปี 2558 แต่ซูจีไม่ได้กล่าวถึงนโยบายด้านความมั่นคง เนื่องด้วยทหารยังคงกุมตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล.