MGR ออนไลน์ -- ทางการลาวได้ประกาศเลื่อนยศให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ พล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด ให้เป็น "นายพลเอก" คนล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ พล.อ.คำไต สีพันดอน ได้พ้นจากตำแหน่งเดียวกันนี้ และ ไม่มีการแต่งตั้งผู้ใดครองยศสูงสุดของฝ่ายทหารอีก เหตุการณ์ในสัปดาห์นี้ จึงเป็นการเลื่อนชั้นยศนายพลเต็มขั้นแก่นายทหารระดับสูงคนหนึ่งครั้งแรกในรอบ 27 ปี และ เป็นเพียงนายพลเอกคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศ
ในสายตาของสาธารณชนทั่วไป เรื่องนี้ควรจะมีมาตั้งแต่นานมาแล้ว เพื่อความเท่าเทียมกันกับเพื่อนบ้านรอบข้าง เนื่องจากกองทัพประชาชนลาว เป็นเพียงแห่งเดียวในย่านนี้ที่มีผู้นำสูงสุดครองยศนายพลโท ในขณะที่เพื่อนบ้านใกล้ชิดรอบข้าง กับมิตรประเทศทั่วไปทั้งใกล้และไกล ล้วนเป็นนายพลเอก
นอกจากนั้น ในปัจจุบันรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กับรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 นาย ล้วนมียศชั้นเป็นนายพลโทเท่ากัน ถึงแม้ว่าจะมีลำดับสูงต่ำในคณะกรรมการกลางพรรค เป็นตัวบ่งชี้ความอาวุโสในหน้าที่การงานอยู่ก็ตาม
นายพลเอกอีกคนหนึ่งได้แก่ พล.อ.สีสะหวาด แก้วบุนพัน อดีตเสนาธิการใหญ่กองทัพประชาชนลาวในยุคแรก ก่อนจะมีการยุบเลิกไปโดยมีการโยก พล.อ.สีสะหวาด พ้นกระทรวงและกองทัพ ให้ไปรับตำแหน่งอื่นๆ รวมทั้งเป็นรองประธานประเทศระหว่างปี 2539-2541 ในยุคนายหนูฮัก พูมสะหวัน และ เป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2541-2543 ก่อนเกษียณอายุ
ปัจจุบันทั้ง พล.อ.คำไต และ พล.อ.สีสะหวาด ยังคงมีชีวิตอยู่ -- ในวัย 94 ปี และ 90 ปีตามลำดับ
ตลอดเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา สปป.ลาวมีผู้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศเพียง 5 คนเท่านั้น และ ทั้งหมดเป็นทหาร แต่นอกจากคนแรกเพียงคนเดียว ทุกคนหลังจากนั้นล้วนครองยศสูงสุดเพียงนายพลโท ซึ่งได้แก่ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน พล.ท.ดวงใจ พิจิต พล.ท.แสงนวน ไซยะลาด กับ พล.ท.จันสะหมอน ตามลำดับ
.
.
พล.อ.คำไต คุมกระทรวงป้องกันประเทศติดต่อกันยาวนานถึง 16 ปี และ เป็นช่วงที่มีการปฏิรูปโครงสร้างกองทัพกับกระทรวงในหลายด้าน มีการจัดตั้งองค์กรภายในกองทัพใหม่ ที่ประกอบด้วย "กรมใหญ่" กับหน่วยรบพร้อมหน่วยสนับสนุนต่างๆ -- รวมทั้ง "กรมใหญ่เสนาธิการ" ด้วย -- ทั้งหมดอยู่ภายใต้บัญชาการของรัฐมนตรีว่าการ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในขณะเดียวกัน โดยมีประธานประเทศดำรงตำแหน่ง "จอมทัพ" มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
พล.อ.คำไต เป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว ที่มีนายไกสอน พมวิหาน เป็นผู้นำสูงสุดทางการเมือง -- จากยุคสงครามขับไล่เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส สู่สงครามต่อต้านสหรัฐจนกระทั่งยึดอำนาจจากรัฐบาลในเวียงจันทน์ได้ ในเดือน ธ.ค.2518
ผู้นำกองโจรเข้าดำรงตำแหน่ง รมว.ป้องกันประเทศ ตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลเข้าบริหารประเทศชุดแรก หลังการประกาศก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" ในวันที่ 2 เดือนนั้น -- จนกระทั่งเดือน ส.ค.2534 จึงมีการถ่ายโอนอำนาจตกทอดสู่ พล.ท.จูมมะลี รัฐมนตรีช่วยว่าการคนที่ 1 คนสนิทซึ่งได้ขึ้นเป็นเจ้ากระทรวงสืบแทน โดยพล.อ.คำไต เป็นนายกรัฐมนตรีต่อมาอีก 6 ปี
นายพลเอกคนแรกของประเทศ ไม่ได้กลับกระทรวงป้องกันประเทศกับกองทัพอีกเลย เพราะเข้ารับตำแหน่งประธานประเทศ ควบตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวสืบต่อมา หลังจากนายไกสอนถึงแก่อสัญกรรม -- จนกระทั่งลงจากอำนาจไปพร้อมกับผู้นำรุ่นเก่าอีกหลายคน ระหว่างการประชุมใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ในเดือน มี.ค.2549 และ กองทัพเตรียมเข้าสู่ยุคสมัยของ "พล.ต.ดวงใจ"
แต่หลังปี 2549 ที่ พล.ท.จูมมะลี ได้ขึ้นนำพรรคและรัฐยาวนานติดต่อกันมา 2 สมัยหรือ 10 ปีนั้น พล.อ.คำไต ทำหน้าที่เป็น "ที่ปรึกษาศูนย์กลางพรรค" ต่อมาอีก 5 ปี จึงล้างมือจากการเมืองโดยสิ้นเชิง และ กลับไปพำนักอาศัยในนครปากเซ แขวงจำปาสักบ้านเกิด ตั้งแต่นั้น
.
.
อดีตผู้นำที่เคยมีพลังอำนาจสูงสุดทั้งการเมืองและการทหาร ออกปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งล่าสุด วันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในโอกาสประชุมพบปะสนทนากับบรรดาระดับนำของแขวงในนครปากเซ ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อทางการ ...
ย้อนไปในยุคสมัยของ พล.ท.จูมมะลี ระหว่างปี 2534-2549 นั้น กระทรวงป้องกันประเทศไม่ได้แต่งตั้งผู้ใด หรือ เลื่อนชั้นให้แก่นายทหารคนใดครองยศนายพลเอก รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเอง -- รัฐมนตรีช่วยว่าการทั้ง 3 นาย หัวหน้ากรมใหญ่ต่างๆ ล้วนดำรงยศนายพลโทเท่ากัน แต่มีอันดับของกรรมการศูนย์กลางพรรค เป็นเครื่องบ่งชี้ลำดับอาวุโส
แต่ตลอดเวลา 15 ปีก่อนหน้านั้น พล.ท.จูมมะลี นำกองทัพประชาชนลาวได้เข้าสู่การปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง -- ปล่อยให้นายพลโทในยุคนั้นทยอยเกษียณอายุจนหมด -- นอกจากตัวรัฐมนตรีแล้ว นายพลโทคนสุดท้ายจากยุคเก่า ซึ่งได้แก่ พล.ท.ไอ่ สุลิยะแสง หัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ ยังคงตกค้างมาอีกหลายปี และ รอเกษียณอายุในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการคนหนึ่งในรัฐบาลต่อมา ภายใต้ พล.ท.ดวงใจ -- ในกระทรวงและในกองทัพ คงเหลือแต่นายทหารระดับนายพลตรี ผู้บัญชาการทหารเขต ที่ครองยศสูงสุดเท่าๆ กับรัฐมนตรีช่วยว่าการทุกคน
หนึ่งปรากฏการณ์สำคัญที่ถูกมองเป็นการปฏิรูปใหญ่นั้น ก็คือในยุคของ พล.ท.จูมมะลี มีการแต่งตั้งนายทหารระดับ "พันเอก" เข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมใหญ่ แทน "พลโท" ซึ่งรวมทั้ง "พ.อ.ดวงใจ พิจิต" ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ แทน พล.ท.ไอ่ -- ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นเป็น "พล.ต.ดวงใจ" เมื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ เช่นเดียวกันกับ "พ.อ.แสงนวน" ที่เติบโตมาในกรมใหญ่การเมือง และ เลื่อนยศเป็นนายพลตรีเมื่อได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ
หลังเข้ารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงสืบต่อจาก พล.ท.จูมมะลีแล้ว พล.ต.ดวงใจ จึงได้รับการเลื่อนยศชั้น และ กลายเป็นนายพลโทเพียงคนเดียวในกระทรวงและกองทัพยุคใหม่ -- จนกระทั่งถึงแก่กรรมในอุบัติเหตุเครื่องบินทหารตกในแขวงเชียงขวาง เดือน พ.ค.2557
.
จะหันหน้าไปทางไหนในระดับเดียวกันก็เห็นแต่นายพลเอก เดินทางไปไหนก็ชนแต่พลเอก มิตรประเทศไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ใครจะไปใครจะมาก็ล้วนแต่นายพลเอก -- ลาวจะมีกับเขาบ้างอีกสักครั้ง ไม่เห็นจะเป็นไร. |
.
.
.
หลังเกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินตก ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 20 คน รวมทั้งกรรมการกรมการเมือง 3 คน กับกรรมการศูนย์กลางพรรคอาวุโสอีก 1 คน ทางการลาวได้แต่งตั้ง พล.ต.แสงนวน รัฐมนตรีช่วยว่าการคนที่ 1 ขึ้นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแทน พล.ท.ดวงใจ ก่อนการแต่งตั้งจะผ่านการรับรองจากสภาแห่งชาติ และ ได้รับเลื่อนยศชั้นเป็นนายพลโท พร้อมกันกับ "พล.ต.จันสะหมอน" -- ซึ่งทำให้ลาวมีนายพลโทพร้อมกัน 2 คน เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
เมื่อนายทองลุน สีสุลิด ผู้นำเบอร์ 2 กรมการเมือง เข้าจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในเดือน เม.ย.2559 พล.ท.จันสะหมอน ซึ่งเป็น รมช.คนที่ 1 ได้ขึ้นว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ
เวลาต่อมามีการเลื่อนยศให้แก่นายทหารเป็นนายพลโทอีก 2 คน ซึ่งได้แก่ พล.ท.สุวอน เลืองบุนมี รมช.คนที่ 1 ที่ควบตำแหน่งหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กับ พล.ท.วิไล หล้าคำฟอง รมช.คนที่ 2 ที่ควบตำแหน่งหัวหน้ากรมใหญ่การเมือง ทำให้กองทัพเกิดมีนายพลโทพร้อมกันถึง 3 คน เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปีเช่นเดียวกัน
ส่วนการเลื่อนยศนายพลเอก ให้แก่ รมว.ป้องกันประเทศในสัปดาห์นี้ เป็นไปตามดำรัสฉบับหนึ่งของนายบุนยัง วอละจิต ประธานประเทศ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เป็นต้นไป -- การเลื่อนชั้นแก่นายและพลทหาร เป็นอำนาจของผู้นำแห่งรัฐโดยการนำเสนอของรัฐบาล ที่ไม่ต้องขอการเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ
ตามประวัติโดยย่อ -- พล.อ.จันสะหมอน จันยาลาด เกิดเดือน มี.ค.ปี 2491 เป็นชาวผ่งสาลี แขวงทางตอนเหนือของประเทศ ติดชายแดนจีน เป็นชนชาติกิมมุ เข้าร่วมการต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ปะเทดลาวตั้งแต่ปี 2507 ศึกษาสำเร็จปริญญาโทการเมืองการทหาร เป็นอดีตหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการกองทัพ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคนหนึ่งในยุคของ พล.ท.ดวงใจ
.
.
.
.
การเลื่อนยศเป็น พล.อ.จันสะหมอน ยังมีขึ้นพร้อมๆ กับการแต่งตั้ง พล.ท.วิไล รมช.คนที่ 2 ไปว่าการกระทรวงรักษาความสงบ ที่คุมกำลังตำรวจทั่วประเทศ กระทรวงใหญ่แห่งนั้นมีรัฐมนตรีช่วยว่าการสายตำรวจ ยศนายพลตรีรออยู่แล้ว 3 คน กับ นายพลจัตวาอีก 1 คน -- ในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้กระทรวงป้องกันประเทศ เหลือ รมช.ยศพลโท 1 คน คือ พล.ท.สุวอน ส่วนอีก 3 คนเป็นนายพลตรี
สื่อของทางการรายงานในช่วงข้ามวันมานี้ว่า พล.ต.สมแก้ว สีลาวง เจ้ากระทรวงป้องกันความสงบคนเดิม ได้รับแต่งตั้ง "ไปรับตำแหน่งใหม่ที่กระทรวงป้องกันประเทศ" โดยยังไม่ทราบเป็นตำแหน่งอะไร ซึ่งไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของสภาแห่งชาติ -- หรือว่า พล.ต.สมแก้ว กำลังจะไปรับยศนายพลโทอีกคนหนึ่งในสายกลาโหม เป็นการสลับตำแหน่งกับ พล.ท.วิไล ซึ่งไปแทนที่?
ความเคลื่อนไหวต่างๆเหล่านี้ยังเกิดขึ้น ในขณะที่กรมกองต่างๆ กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก เตรียมฉลองใหญ่ครบรอบปีที่ 70 การก่อตั้งกองทัพประชาชนลาวเดือน ม.ค.ปีหน้า ซึ่งเพื่อนบ้านละแวกนี้กำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด.