xs
xsm
sm
md
lg

แป้บเดียวลาวมีกว่า 50 เขื่อนปั่นไฟสว่างไสวไปทั่วแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

น้ำงึม 1 ก่อสร้างเป็นแห่งแรกเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน วันนี้กลายเป็นเขื่อนทันสมัย ไม่ต่างไปจากอีก 52 เขื่อนที่กำลังปั่นไฟด้วยกัน อีกกว่า 30 แห่งกำลังก่อสร้าง ไม่เกิน 2 ปีทั่ว สปป.ลาวจะมีเขื่อนเกือบ 90 แห่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แผนการเป็น หม้อไฟอาเซียน ต้องดำเนินต่อไป.

MGR ออนไลน์ -- จนถึงขณะนี้ สปป.ลาวมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าใหญ่น้อยรวมกันจำนวน 53 แห่ง ถ้าหากรวมแหล่งอื่นๆก็จะมีแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าถึง 61 แหล่ง ควบคู่ไปกับการติดตั้งสายส่งทุกขนาดกำลังรวมเป็นระยะทางกว่า 60,000 กิโลเมตร ทำให้ 94% ของครัวเรือน และ 94% ของหมู่บ้านทั่วทั้งประเทศเหนือจดใต้มีไฟฟ้าใช้ เป็นการได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการผลิตพลังงานของชาติ

ทั้งหมดเป็นตัวเลขสำคัญที่นายคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ รายงานในที่ประชุมรัฐสภาสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อของทางการรายงาน

แหล่งผลิตไฟฟ้าต่างๆเหล่านี้ทำให้ สปป.ลาวสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างได้ทุกประเทศ คือ ไทย เวียดนาม กัมพูชา พม่า และ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ในปัจจุบันลาวสามารถส่งไฟฟ้าจำหน่ายให้แก่มาเลเซียถึง 100 เมกะวัตต์ โดยผ่านระบบสายส่งของไทย ตามความตกลงความร่วมมือด้านพลังงานในกลุ่มอาเซียน

ทั้งหมดนี้เป็นความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับแผนการเป็น "หม้อไฟอาเซียน" ของ สปป.ลาว ในขณะที่การก่อสร้างเขื่อนอีกหลายสิบเขื่อน ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะผ่านอุบัติการณ์ "เขื่อนแตก" มาถึงสามครั้งสามหน ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตหลายสิบคนแล้วก็ตาม

เมื่อลงในรายละเอียด -- ในลาวมีเขื่อนขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ผลิตไฟฟ้าจำนวน 32 แห่ง เขื่อนขนาดเล็กตั้งแต่ 15 เมกะวัตต์ลงมา 21 แห่ง มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหินอีก 1 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าหงสาในแขวงไซยะบูลี มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีก 2 แห่ง กับโรงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์อีก 5 แห่ง รวมกำลังติดตั้งทั้งหมด 7,207.24 เมกะวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกันได้ 37,366.66 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

"แหล่งผลิตไฟฟ้าเหล่านี้ นอกจากจะผลิตไฟฟ้ารับใช้ภายในและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งได้สร้างรายรับเงินตราที่มั่นคงให้กับประเทศชาติแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตทรัพย์สินไว้ให้ลูกหลานของชาติในอนาคต" สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงานอ้าง ดร.คำมะนี
.
ภาพการอพยพผู้คนหนีน้ำจากเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย 23 ก.ค.2561 ยังคงหลอกหลอนสาธารณชน ทางการลั่นวาจาจะตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกว่าเดิม การเป็น หม้อไฟอาเซียน ไม่เปลี่ยนแปลง.
.
ปัจจุบันยังมีโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า และ มีกำหนดปั่นไฟเข้าสู่ระบบในช่วงปี 2019-2020 รวมทั้งหมด 36 โครงการ กำลังปั่นไฟ 4,184.10 เมกะวัตต์ เป็นเขื่อนขนาดกลางขนาดใหญ่อีก 14 แห่ง เขื่อนขนาด 15 เมกะวัตต์ลงมาอีก 22 แห่ง -- นั่นคือ ไม่เกิน 2 ปีข้างหน้านี้ ในลาวจะมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 89 แห่ง ปั่นไฟรวมกันได้ 58,259.65 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ถึงปัจจุบันมีการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงดันต่ำ 0.4 ขึ้นไป จนถึงแรงดันสูง 115, 230 และ 500 กิโลโวลต์ รวมเป็นระยะทาง 61,918.5 กม. ทั่วประเทศมีสถานีจ่ายไฟฟ้า 68 สถานี ทุกแขวงรวมทั้งเมืองหลวง มีไฟฟ้าใช้ครบถ้วนจนถึงระดับตัวเมือง (อำเภอ) -- ยังคงมีระดับหมู่บ้านที่ยังเข้าไม่ถึงไฟฟ้า แต่ก็มีอัตราต่ำคือ ราว 6% ของจำนวนทั้งหมด และ 6% ของครัวเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ

สปป.ลาวมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้ คือ จำหน่ายให้ไทย 9,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันส่งให้ได้ 4,000 เมกะวัตต์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 เมกะวัตต์ในปี 2563 และ ครบตามสัญญาในปี 2573

นอกจากนั้นยังมีสัญญาจำหน่ายให้แก่เวียดนามอีก 5,000 เมกะวัตต์ เพิ่งส่งให้ได้เพียง 300 เมกะวัตต์ จะเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2563 และครบจำนวนในปี 2573 ส่วนกัมพูชาปัจจุบันส่งให้ได้ 10 เมกะวัตต์ มีเป้าหมายเป็น 200 เมกะวัตต์ในปี 2563 และ ขายให้พม่าอีก 5 เมกะวัตต์ -- เพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์ในปี 2022 หรือ 4 ปีข้างหน้า

สปป.ลาวได้พยายามมาหลายปี เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่มาเลเซีย และ ประสบความสำเร็จเริ่มส่งให้ได้ 100 เมะวัตต์ในปีนี้ โดยส่งผ่านระบบของไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 เมกะวัตต์ในอีก 2 ปีข้างหน้า -- เป้าหมายต่อไปคือประเทศสิงคโปร์

ลาวเพิ่งจะผ่านโศกนาฏกรรมจากเหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งร้ายแรงที่สุดในเดือน ก.ค.ปีนี้ เมื่อสันของเขื่อนผลิตไฟฟ้าเซเปี่ยน-เซน้ำน้อย ขนาด 410 เมกะวัตต์ พังทะลายไปส่วนหนึ่ง ส่งน้ำปริมาณมหาศาลลงท่วมหลายหมู่บ้านในเขตเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ มีผู้เสียชีวิตที่พบแล้ว 40 ศพ และ ยังสูญหายอีก 29 คน
.
อลังการณ์โรงไฟฟ้าหงสาพลังงานความร้อนจากถ่านหินในแขวงไซยะบูลี ปัจจุบันเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว ใหญ่กว่าทุกเขื่อนแต่ถูกตั้งข้อรังเกียจ ถูกตราหน้าเป็นพลังงานไม่สะอาด ในบางประเทศจะไม่มีวันได้เกิด.
.
ตามรายงานโดยสื่อประชาสังคมในท้องถิ่น วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เก็บกู้ซากผู้เสียชีวิตอีกจำนวน 2 ศพ ที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตน้ำที่น้ำเขื่อนไหลลงท่วม ถ้าหากสามารถพิสูจน์ยืนยันได้ก็จะให้จำนวนผู้สูญหายลดลงเหลือ 27

ช่วงสองปีมานี้ได้เกิด "อุบัติเหตุ" เกี่ยวกับเขื่อนผลิตไฟฟ้าในลาวมา 3 ครั้ง -- ปลายปี 2560 เขื่อนเซกะหมาน 3 ขนาด 250 เมกะวัตต์ในแขวงเซกอง ซึ่งก่อสร้างโดยบริษัทเวียดนาม ปั่นไฟฟ้าเข้าระบบมา 4 ปี พังทะลายลง และ รัฐมนตรีพลังงานและเหมืองแร่แถลงในที่ประชุมสภาแห่งชาติว่า เกิดจาก "ຜູ້ພັດທະນາໂຄງການ ບໍ່ປະຕິບັດຕາມຂັ້ນຕອນມາດຕະຖານ ເຕັກນິກຂອງໄຟຟ້າລາວ" (ผู้พัฒนาโครงการไม่ได้ปฏิบัติ ตามขั้นตอนมาตรฐานเทคนิคของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว) โชคดีไม่มีราษฎรเสียชีวิต

ทิ้งช่วงห่างกันไม่นาน เขื่อนน้ำอ้าวขนาด 12 เมกะวัตต์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 80% โดยบริษัทลาวก็พังอีกที่ เขื่อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองผาไซ แขวงเชียงขวาง แต่ปล่อยน้ำลงลำน้ำอ้าวในแขวงไซสมบูรณ์ -- น้ำปริมาณมหาศาลไหลเข้าท่วมโรงไฟฟ้าน้ำเงียบ 1 ขนาด 180 เกมะวัตต์ รวมทั้งท่วมบ้านเรือนราษฎรในแขวงดังกล่าวเสียหายหนัก

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่ นายสินาวา สุพานุวง รองรัฐมนตรีพลังงานและเหมืองแร่ ได้กล่าวในวงประชุมกระทรวงเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ว่า ทางการจะกำกับดูแลการเขื่อนตั้งแต่ 15 เมกะวัตต์ขึ้นไปเข้มงวดยิ่งขึ้น ทั้งก่อสร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้าง ทั้งนี้เพื่อป้องกันและหลุดผ่อนผลกระทบใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งปัญหา "เขื่อนแตก" ด้วย

รัฐมนตรีผู้นี้กล่าวว่า มาตรการสำคัญประการหนึ่งก็คือ บริษัทผู้รับผิดชอบโครงการจะต้องตรวจตรามาตรฐานความปลอดภัยโครงการ และ รายงานให้กระทรวงทราบ เพื่อนำไปสู่การประชุมพิจารณาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีทั้งการทบทวนโครงการ และ การหามาตรการเพื่อจัดตั้งปฏิบัติขั้นต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น