xs
xsm
sm
md
lg

"ทองลุน-ปูติน" ดราม่าไม่สิ้นสุด มาดูกันเหตุใดชาวลาวปลื้มนายกฯคนนี้มากๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<br><FONT color=#00003>ภาพจากวิดีโอเมื่อวันที่ 21 พ.ย. เพียงไม่กี่วันมีชาวลาวเข้าไปชมคลิปชิ้นนี้นับแสนๆ คน เป็นการเติมเชื้อเพลิงให้ ทองลุนฟีเวอร์ ลุกโชติช่วงไม่สิ้นสุด หลายคนนำวัตรปฏิบัติของผู้นำเมื่อเร็วๆ นี้ไปโยงกับ เรื่องเดียวกันของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย.</a>

MGR ออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว ทองลุน สีสุลิด กำลังได้รับความสนใจจากสังคมอย่างเป็นพิเศษอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงงานนมัสการพระธาตุหลวงเวียงจันทน์สัปดาห์ที่แล้ว วิดีโอสั้นๆ ชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับผู้นำที่โพสต์ในเฟซบุ๊กชาวลาว มีผู้ติดตามชมเกือบ 2 แสนคนเพียงไม่กี่วันมานี้ ยังไม่ได้นับรวมกับอีกนับแสนวีว ที่ชมผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ -- เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา สำหรับประชาคมชาวเน็ตลาวที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย

นั่นคือวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 21 พ.ย. เมื่อ นรม.ลาวพร้อมด้วยภริยา กับ นายสินละวง คุดไพทูน เจ้าครอง (ผู้ว่าราชการ) นครเวียงจันทน์ นำคณะลงเยี่ยมเยือนคูหาจัดแสดงของแขวงกับหน่วยงานต่างๆ จากทั่วประเทศ โดยมีรัฐมนตรีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ร่วมติดตามขบวนของผู้นำอีกหลายสิบคน

เมื่อถึงคูหาจัดแสดงของแขวงเชียงขวาง นรม.ลาวได้เห็นเจ้าหน้าที่กำลังต้อนประชาชนที่ไปชมการแสดงจำนวนหนึ่ง ออกจากบริเวณหอแสดง ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดทางให้ผู้นำกับคณะนั่นเอง -- แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่ได้มีในหมายกำหนดการก็เกิดขึ้น เมื่อ ดร.ทองลุน เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังนำผู้ชมการแสดงหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสุดท้ายออกไป ก็ได้เรียกไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หยุด ทั้งยังสำทับตามอีกว่า "ให้เพิ่นถ่ายรูปก่อนก็ได้ ให้เพิ่นถ่ายรูปก่อนสิ"

"มา.. มาถ่ายกับผมมา" นรม.ลาวบอก พร้อมปลีกออกจากคณะไปยืนคู่กับหญิงแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

การแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจประชาชนคนหนึ่งของนายกรัฐมนตรีลาว ได้กลายมาเป็น "ดราม่า" ทางสังคม ผ่านวิดีโอสั้นความยาวไม่ถึง 1 นาที แต่สามารถเรียกความสนใจของผู้คนได้หลายแสน -- ในวิดีโอชิ้นยาวก็ไม่ได้ต่างกัน -- การปฏิบัติของ ดร.ทองลุน เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาบุคคลดับสูงในคณะติดตาม หลายคนส่งเสียงแสดงความยินต่อหญิงที่ถ่ายรูปคู่กับนายกรัฐมนตรี หลายเสียงบอกว่าเธอโชคดีสุด
.

.
นายทองลุนถามเธอว่า เป็นชาวเชียงขวางใช่ไหม -- แต่ก็ยิ่งทำให้ทุกฝ่ายชื่่นชมเมื่อได้รับคำตอบว่า เธอไปไกลจากหลวงพระบาง เพื่อไปร่วมงานนมัสการพระธาตุหลวงอันเป็นมิ่งมงคลของชาวลาวทั้งประเทศประจำปีนี้ และ ยังมีโอกาสได้รับความกรุณา ได้ร่วมถ่ายรูปสองต่อสองกับผู้นำประเทศ ซึ่งเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต

งานพระธาตุหลวงปีนี้จัดขึ้นระหว่าง 16-22 พ.ย. และ ก็เช่นเดียวกันกับทุกปีที่ผ่านมา มีทั้งงานแสดงสินค้าที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ หรือ "ลาวไอเท็ค" และ งานออกร้าน "เฮือนลาว" ที่ลานพระธาตุหลวง ตลอดงานมีการละเล่นพื้นเมืองและการแสดงอีกมากมาย รวมทั้งพิธีแห่ผาสาดเผิ่ง (ปราสาทขี้ผึ้ง) กับ การตีคี (ตีคลี) ประเพณีอันเก่าแก่และดั้งเดิมของชาวลาวอีกด้วย

ที่สำคัญพอๆ กันก็คือ นี่เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ประชาชนทั่วไป จะได้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้นำระดับสูงของประเทศ ซึ่งรวมทั้งนายบุนยัง วอละจิต ประธานประเทศและเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว กับ นางปานี ยาทอตู่ ประธานสภาแห่งชาติ -- สองในสามเสาหลักทางการเมือง ร่วมกับนายกรัฐมนตรี -- แต่คงไม่มีผู้ใด มีโอกาสได้ใกล้ชิดมากเท่ากับสตรีจากแขวงหลวงพระบางคนนั่้น

ดร.ทองลุน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับเลือกเป็นกรรมการกรมการเมืองของพรรค ในการประชุมใหญ่ต้นปี 2559 ต่อมาได้จัดตั้งรัฐบาล กลายเป็น "ผู้นำเบอร์ 2" ถัดจากเลขาธิการใหญ่พรรค -- และ ทันใดก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นปรากฏการณ์ "ทองลุนฟีเวอร์"

นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเปลี่ยนโยบายการใช้รถยนต์-พาหนะส่วนตัวของบรรดาผู้นำทุกระดับ ตั้งแต่ส่วนกลางลงไปจนถึงระดับแขวง โดยนำรถหรูประจำตำแหน่งออกประมูลขาย นำรายได้เจ้ารัฐ ให้ทุกระดับหันไปใช้รถประจำตำแหน่งขนาดเล็กลง -- ผู้นำรัฐบาลกับประธานประเทศได้เป็นตัวอย่าง ส่งคืนรถบีเอ็มดับลิวกับเมอร์ซีเดสเบนซ์ให้แก่รัฐ และ ใช้โตโยต้าคัมรี่ 2.5 แทน รวมทั้งมีการออกกฎระเบียบใหม่อย่างรัดกุม จำกัดการใช้งาน "รถหลวง" กับการใช้ "น้ำมันหลวง"
.

ในเวลาไล่เรี่ยกันรัฐบาลใหม่ได้ออกนโยบายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าอย่างผิดกฎหมายให้สิ้นซาก ห้ามส่งออก ห้ามเคลื่อนย้าย เพื่อจัดระเบียบใหม่อย่างได้ผลการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ยังดำเนินมาจนถึงวันนี้ ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องจากทั่วสังคม

รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทองลุน ยังออกประกาศนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างถึงที่สุก กวาดล้างเจ้าหน้าที่กังฉิน อุดการรั่วไหลอย่างเข้มงวด ทำให้สามารถจัดเก็บรายได้เข้างบประมาณได้สูงขึ้นอยางเป็นประวัติการณ์

นี่เป็นเพียง 3 นโยบายเรือธงที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวลาวทั้งประเทศ ยังไม่นับรวมกับนโยบายสำคัญอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่ล้วนเกี่ยวกับผลประโยชน์และปากท้องของประชาชน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และ ระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งนโยบายระดับชาติ การรักษาพยาบาล จนถึงการพัฒนาระบบการเงินการธนาคารสู่ดิจิตอล และ หันไปทำธุรกิจผ่านออนไลน์

สัปดาห์ที่แล้ว นรม.ลาวประกาศในการประชุมสภาแห่งชาติ -- รัฐบาลจะลดการรับเจ้าหน้าที่รัฐ (ข้าราชการ) ลงครึ่งต่อครึ่ง จากที่ใช้โควต้ารับเข้าทำงานใหม่ปีละ 3,000 คน ลดลงเหลือเพียง 1,500 คน -- เหตุผลก็คือ เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินที่หนักหนาสาหัส รัฐจะต้องติดตามดูแลคนเหล่านี้กับครอบครัวไปตลอดชีวิต ในทางตรงข้ามรัฐบาลจะหันไปปรับปรุงเอาใจใส่สวัสดิการข้าราชการที่มีอยู่ และ ใช้เจ้าหน้ที่รัฐจากส่วนกลาง ออกทำงานในต่างแขวงไปพร้อมๆ กัน

แน่นอนที่สุด-- นโยบายนี้ได้รับการต้อนรับ และ มีเสียงปรบมืออย่างล้นหลามจากมหาชนอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

แต่ดราม่า "ทองลุนฟีเว่อร์" ยังไม่หมด..
.

.
หลายคนได้นำเหตุการณ์ในวิดีโอระหว่าง ดร.ทองลุน กับ หญิงชาวหลวงพระบางที่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามเมื่อวันที่ 21 พ.ย.นี้ โยงเข้ากับอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดอยู่ไกลโพ้น -- ระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาวิมีร์ ปูติน กับ คุณปู่ทหารผ่านศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หนึ่ง ใน "วันแห่งชัยชนะ" (Victory Day) เหนือนาซีเยอรมัน 9 พ.ค.ปีนี้ [โปรดชมวิดีโอข้างบน หรือ ชม "ปูตินฟีเว่อร์" มากกว่านี้]

ในขณะ ปธน.ปูติน นำคณะใหญ่เดินอยู่บริเวณจุตรัสแดงนั้น ผู้นำสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กำลังนำชายสูงวัยผู้หนึ่ง ที่พยายามเข้าใกล้เขตห้าม -- ปธน.รัสเซียสังเกตุเห็นสวมเครื่องแบบกองทัพจึงปลีกเข้าไปหาและทักทาย ได้ทราบว่าเป็นทหารผ่านศึกษาจากสงครามโลก -- จึงได้เชิญชายสูงวัยในยูนิฟอร์มเก่าแก่เข้าร่วมคณะ เดินไปด้วยกันและพูดคุยกันไประหว่างทาง

เหุตการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของประชาชนนับหมื่นบนอัฒจันทร์ กับอีกหลายล้านคนที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์แห่งรัฐ กลายเป็นอีกเหตุการณ์ที่เติมความร้อนแรงเข้าไปใน "ปูตินฟีเวอร์" ไม่ต่างกับอีกเหตุการณ์หนึ่งในปี 2559 เมื่อ ปธน.รัสเซียได้ทราบข่าว และตามไปเยี่ยมหนูน้อยวัย 7 ขวบที่เป็นคนไข้มะเร็งถึงโรงพยาบาล .. คุกเข่าลงสนทนากับเด็กหญิงโชคดีคนนั้นอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเชิญเธอกับครอบครัว ไปเยี่ยมชมพระราชวังเครมลิน ตามความประสงค์ -- ใน "วิกตอรี่เดย์" ปีนั้น
.

.
นายกฯ ลาวก็ไม่ต่างกัน เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานเป็น "คุณตาทองลุน" ด้วยคลุกคลีกับเด็กอยู่เสมอๆ ในโอกาสสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลังเข้ารับตำแหน่งไม่นาน นายกฯลาวได้เปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับเด็กๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างไรในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ชาวลาวที่ได้เข้าไปชมภาพข่าวในช่วงนั้น ต่างก็พูดกันว่า -- เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และ กล่าวชื่นชมผู้นำคนใหม่กันอึกทึก

รวมทั้งอีกครั้งหนึ่งที่นายกฯลาวได้อุ้มทารกน้อยคนหนึ่งกลางงาน ซึ่งไม่มีอยู่ในหมายกำหนดการ ไม่ต่างกับเหตุการณ์วันที่ 21 พ.ย. -- และ ไม่ต่างกับวิถีปฏิบัติของ ปธน.ปูติน

และเมื่อพูดถึงประธานาธิบดีรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่่านี้ทุกครั้ง ก็จะมีผู้คนจำนวนมากโยงไปเข้ากับ "ทองลุนฟีเว่อร์" รวมทั้งเหตุการณ์หนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ ระหว่างไปร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนในสิงคโปร์ ผู้นำลาวพูดคุยกับผู้นำรัสเซียอย่างสนิทสนม และ ดูออกรส -- ทั้งคู่คุยกันด้วยภาษารัสเซีย
.

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การพบสนทนา "ไบแล็ตเทอรัล" หรือ การพบปะสองฝ่ายอย่างเป็นทางการใดๆ เนื่องจากไม่มีอยู่ในกำหนดการของทั้งสองคณะ หากเป็นส่วนหนึ่งของการพบพูดคุยกันธรรมดาๆ ระหว่าง "เพื่อนเก่า" ที่รู้จักกัน ได้ใกล้ชิดกัน ได้เคยร่วมงานกันมาก่อน และ ไม่มีผู้ใดทราบว่า เป็นการพูดคุยกันด้วยเรื่องใด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ดร.ทองลุน เป็นนักเรียนเก่าสหภาพโซเวียต ใช้ชีวิตศึกษาเล่าเรียนอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลากว่าสิบปี ทั้งในนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดและที่ศึกษาเล่าเรียนของ ปธน.ปูติน -- กับอีกครั้งหนึ่งในกรุงมอสโก จนกระทั่งเรียนสำเร็จปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาประวัติศาสตร์การต่างประเทศจากสถาบันชั้นนำแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของรัสเซีย

ด้วยความเป็นมาดังกล่าว จึงได้เกิดวาทะ "เราเป็นเพื่อนกัน" ขึ้นมา ในการพบเจรจา "ไบแล็ตฯ" กับประธานาธิบดีรัสเซียในเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เดือน พ.ค. 2559 -- ระหว่างการประชุมรัสเซีย-อาเซียนครั้งที่ 2 ที่นายปูตินกับนายทองลุน ร่วมกันเป็นประธาน.
กำลังโหลดความคิดเห็น