MGR ออนไลน์ -- วินกรู๊ป (VinGroup) ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการในหลากหลายแขนง รวมทั้งบริษัทผลิตรถยนต์แห่งแรกของเวียดนามและเป็นกลุ่มลงทุนใหญ่ที่สุดในตลาดทุนของประเทศปัจจุบัน ได้ทำพิธีวางศาลาฤกษ์มหาวิทยาวินยูไน (VinUni University) สานความฝันที่จะก้าวทะยานขึ้นเทียบชั้นสถาบันการศึกษาระดับสูงชั้นนำของโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยวางแนวทางการไม่แสวงหากำไรและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน ตามความสนใจและความสามารถ
พิธีวางศิลาฤกษ์จัดขึ้นวันพุธ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ แหล่งก่อสร้าง ภายในเขตเมืองใหม่วินซิตี้โอเชี่ยนพาร์ค (VinCity Ocean Park) เขตซยาเลิม (Gia Lâm) กรุงฮานอย -- ผู้บริหารของวินกรู๊ปได้เปิดเผยให้เห็นแบบของอาคารหลักสูง 10 ชั้น รวม 108 เมตร มีรูปลักษณ์นีโอคลาสสิก ก่อสร้างเป็นแท่งๆ เป็นก้อนๆ และ กระจายออกเป็น "ปีก" รายรอบอาคารหลังใหญ่ ภายใต้แนวคิด Wings of Knowledge หรือ "ปีกแห่งความรู้"
มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้มีกำหนดก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี เพื่อเริ่มรับนักศึกษารุ่นแรกเข้าเรียนในปี 2563 ก่อนหน้านี้วินกรู๊ปได้เซ็นความตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกสองแห่งในหลายด้าน เพื่อสนับสนุนทั้งการเรียนการสอนและในทางยุทธศาสตร์การศึกษา -- ทั้งสองแห่งเป็นสมาชิกกลุ่ม "ไอวี่ลีก" (Ivy League) หรือ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 100 ปีขึ้นไปในสหรัฐ
ที่นี่กำลังจะเป็นมหาวิทยาลัยของเอกชนเพียงแห่งเดียว ที่รับนักศึกษาเข้าเรียนโดยไม่มีการสอบเอ็นทรานซ์ แต่ใช้วิธีให้นำเสนอบทนิพนธ์เกี่ยวกับสาขาที่ประสงค์จะเข้าเรียน และ ผ่านการสัมภาษณ์อย่างถ้วนถี่ อันเป็นวิธีที่สถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่งใช้กันในทั่วโลก มหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้เน้นหนักการเรียนการสอนและการฝึกอบรมใน 3 ขอบเขต คือ ธุรกิจ เทคโนโลยี และ ด้านสุขภาพอนามัย
ภาพเต็มที่เปิดเผยในวันพุธนี้แสดงให้เห็น อาคารหลักหลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่าหรูหรา เทียบเท่าอาคารเรียนของมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างแดน ออกแบบโดยบริษัทออกแบบทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นนำของโลกหลายแห่ง รวมทั้ง AECOM ดับ HBA ซึ่งวินกรู๊ปกล่าวว่าเป็นการเห็นร่วมกัน ระหว่าง VinUni กับมหาวิทยาลัยคอร์แนล (Cornell University) และ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) ที่เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ
.
.
วินยูไนฯสร้างขึ้นตามมาตรฐานสถาบันการศึกษาชั้นสูงระดับโลก บนเนื้อที่ 23 เฮกตาร์ (140 ไร่เศษ) ประกอบด้วยอาคารหลัก หอพักนักศึกษา สปอร์ตคอมเพล็กซ์ที่มีทั้งสนามกีฬามาตรฐาน สนามฟุตบอล สระว่ายน้ำมาตรฐานในร่ม และโรงยิมเนื้อที่ 4,420 ตรม. กับอีกโซนหนึ่งเป็นแหล่งศึกษาวิจัยและสนับสนุนทางด้านวิชาการ ซึ่งรวมทั้งหอสมุดด้วย
นอกจากนั้นยังมี "โฮสเทล" อาคารที่พัก มีพื้นที่รวม 10,600 ตารางเมตร มีแคนทีนหรือร้านอาหาร ห้องณํฏาษพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ร้านค้า และ มีพื้นที่เพื่อสันทนาการกับการพักผ่อนหลังเวลาเรียนอีกด้วย
วินยูไนกำลังจะพัฒนาต่อไป เพื่อเป็น "เมืองมหาวิทยาลัย" ที่มีพร้อมสรรพสิ่ง นักศึกษาไม่เพียงแต่ใช้เป็นที่เล่าเรียนเท่านั้น หากยังสามารถพักอาศัยภายในวิทยาเขตได้ ติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม พูดคุยเกี่ยวกับความคิดการสร้างอนาคตหรือการเริ่มต้นธุรกิจที่ชอบหรือฝันใฝ่ ทำการวิจัย เช่นเดียวกันกับการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย ผักผ่อนและมีสันทนาการ สำหรับการเรียนตลอดชีวิต
อาคารทุกหลังออกแบบและสร้างให้กลมกลมเป็นหนึ่งเดียวกันกับภูมิสถาปัตย์รอบข้าง สิ่งปลูกสร้างทุกหลังมีระยะห่าง ไม่รู้สึกอึดอัด พื้นที่จำนวนมากแบ่งไปให้ต้นไม้นานาพันธุ์ กับสวนหย่อม เพื่อทำให้เป็น "มหาวิทยาลัยสีเขียว" -- ผู้เรียนสามารถไปใช้สถานที่ต่างๆได้ตลอดเวลา ส่วนอาคารเรียนหลักมีทั้งห้องเล็คเชอร์ขนาดใหญ่ และ ห้องเรียนปรกติ ซึ่งทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนได้ สำหรับการเรียนการสอนสมัยใหม่ที่ก้าวหน้า -- มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเว็บไซต์วินกรู๊ป
"มหาวิทยาลัยวินยูไนสร้างขึ้นบนมาตรฐานระหว่างประเทศสูงที่สุด สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษาจะมีโอกาสดีที่สุด ที่จะได้ร่ำเรียนกับทีมศาสตราจารย์นักวิชาการ และนักวิทยาศาสตร์.. ที่ไปจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ไปจากสถาบันวิจัยชั้นนำ และ ไปจากระบบการแพทย์ที่มีชื่อเสียง.." นางเล มาย ลาน (Lê Mai Lan) รองประธานวินกรู๊ปกล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวานนี้
.
.
"นักศึกษาที่นี่จะมีโอกาสได้เข้าถึงการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยี ระบบและอุปกรณ์ซิมูเลชั่นต่างๆ รวมทั้งระบบห้องทดลองก้าวหน้าที่สุด เราเชื่อว่าวินยูไนจะสร้างให้เกิดการฝ่าข้ามครั้งสำคัญทางคุณภาพของการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเวียดนาม มุ่งสู่มาตรฐานระดับโลก" นางมายลานกล่าว
ยังไม่ทราบเกี่ยวกับแผนการบริหารจัดการของมหาวิทยาลัย "ที่ไม่แสวงหากำไร" รวมทั้งอัตราค่าเล่าเรียน แต่ผู้บริหารของ VinUni University ใหั้สภมาษ์ก่อนหน้านี้ว่า ที่นั่นจะเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรก ที่เปิดสอนด้วยคุณภาพระดับโลก แต่ด้วยค่าเล่าเรียนในอัตราท้องถิ่น ที่ชาวเวียดนามทั่วไปสามารถจ่ายได้
มหาวิทยาลัยแห่งนี้จะมีทุนการศึกษาอย่างเพียงพอสำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพแต่ด้อยโอกาส นอกจากนั้นนักศึกษาทุกคนยังจะได้ไปศึกษาเรียนรู้ในแขนงของตนที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล หรือ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย อย่างน้อยเป็นเวลา 1 ภาคเรียนอีกด้วย
การมีสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำที่มีชื่อเสียงในระดับโลก นับเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของคอมมิวนิสต์เวียดนามตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ ศ.เหวียน เทียน เญิน (Nguyễn Thiên Ngân) เริ่มทำการปฏิรูปการศึกษาของประเทศครั้งใหญ่ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรม แต่ยังไม่สามารถบรรลุ
แต่นั้นมาทางการเวียดนามได้ทุ่มการลงทุนมหาศาล เพื่อสร้างบุคลากรทางการศึกษา โดยตั้งเป้าให้มีครูอาจารย์ที่เรียนสำเร็จระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศให้ครบจำนวน 20,000 คนภายใน 10 ปี -- ซึ่งเป็นโครงการที่ยังไม่บรรลุผล แต่ยังคงดำเนินต่อไป
.
.
ดร.เหวียน เทียน เงิน เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดในสหรัฐ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ เป็นกรมการเมืองระดับสูงคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์ นับเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากโลกตะวันตกคนแรก ที่สามารถเข้าไปมีตำแหน่งในระดับสูงขนาดนั้น ในระบบของคอมมิวนิสต์เวียดนาม
สำหรับวินกรู๊ป ก่อตั้งขึ้นในสาธารณรัฐยูเครนเมื่อปี 2536 โดยนายฝ่าม เญิต เวือง (Phạm Nhật Vượng) ประธานของบริษัทคนปัจจุบัน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ในปี 2550 ทำธุรกิจพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสวรรค์ คอนโดมีเนียม และ อื่นๆ รวมทั้งโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับหรูนับสิบๆ โครงการ ก่อนจะขยายการลงทุนออกสู่แขนงอื่นๆ อีกมากมาย
ปัจจุบันบริษัทนี้มีบริษัทในเครือมากกว่า 30 บริษัทในสาขาธุรกิจต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 10 แขนงหลัก ซึ่งได้แก่ วินโฮมส์ วินเพิร์ล วินเพิร์ลแลนด์ วินเม็ค (การแพทย์) วินสคูล (การศึกษาพื้นฐาน) วินคอมเรตา (การสื่อสาร) วินฟาสต์ (ผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์ไฟฟ้า) วินคอมเมิร์ซ (ศูนย์การค้า-ชอปปิ้งเซ็นเตอร์) วินมาร์ท (ซูเปอร์มาร์เก็ต) และ วินฟา เพื่อสร้างสรรค์สนับสนุนสถาบันครอบครัว
ด้านการศึกษาพื้นฐาน ปัจจุบันวินสคูลมีโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนทันสมัยแบบตะวันตกอยู่หลายแห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งในฮานอยและในโฮจิมินห์ -- ทั้งหมดเป็นไปภายใต้แนวทาง "ไม่แสวงหากำไร" ซึ่งวินกรู๊ปกล่าวว่า เป็นการ "คืนต้นทุน" ให้แก่สังคมและประเทศ.