รอยเตอร์ - เวียดนามต้องการให้ 50% ของชาวเวียดนามที่ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ หันมาใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ภายในประเทศ ภายในปี 2563 และวางแผนป้องกัน “ข้อมูลที่เป็นพิษ” บนเฟซบุ๊ก และกูเกิล ตามคำแถลงของกระทรวงข้อมูลข่าวสารวานนี้ (8)
กระทรวงได้ร่างระเบียบปฏิบัติสำหรับอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
“เรากำลังดำเนินการวิจัยมาตรการต่างๆ ที่จะป้องกันข้อมูลเชิงลบและเป็นพิษบนแพลตฟอร์มต่างชาติ 2 ราย คือ เฟซบุ๊ก และกูเกิล” กระทรวงระบุในคำแถลง
แม้เวียดนามดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง และเปิดรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากขึ้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ปกครองประเทศไม่ค่อยอดทนยินยอมกับผู้เห็นต่าง และควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด
เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลได้เผยแพร่ร่างรัฐบัญญัติว่าด้วยแนวทางดำเนินการกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ ที่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และกลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า อาจบ่อนทำลายการพัฒนา และจำกัดนวัตกรรม
ทั้งเฟซบุ๊ก และกูเกิลมีผู้ใช้งานอย่างกว้างขวางในเวียดนาม และเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับผู้เห็นต่างเพื่อใช้แสดงความคิดเห็น ทั้งสองบริษัทไม่มีสำนักงานหรือสถานที่จัดเก็บข้อมูลในท้องถิ่น และได้คัดค้านเงื่อนไขของกฎหมายในส่วนนี้
ในเดือน ก.ย. รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสาร กล่าวว่า เวียดนามควรส่งเสริมเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ที่เติบโตขึ้นในประเทศ เพื่อแข่งขันกับเฟซบุ๊ก และครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น
จากคำแถลงของกระทรวงที่เผยแพร่วานนี้ ระบุว่า 3 บริษัทของเวียดนาม จะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ถึง 50% คือ Zalo แอปพลิเคชันรับส่งข้อความของบริษัท VNG Group เว็บไซต์บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอ Mocha และ VCCorp ที่ให้บริการเว็บไซต์ข่าว และอีคอมเมิร์ซ
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ Zalo จะเป็นแอปพลิเคชั่นแชตชั้นนำของเวียดนาม ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านราย แต่ Mocha และ VCCorp ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเป็นวงกว้างเช่นเดียวกับ Youtube ของกูเกิล และเฟซบุ๊ก.