MGR ออนไลน์ -- โครงการผลิตรถยนต์ของบริษัทวินฟาสต์ (VinFast) แห่งเวียดนามกำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ ได้นำสื่อเข้าเยี่ยมชมโรงงานไม่กี่วันมานี้ เพื่อให้เห็นการติดตั้งหุ่นยนต์ชนิดต่างๆ ของ ABB แห่งสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งจากแหล่งอื่นๆรวมเป็นจำนวนกว่า 1,200 ตัว (ชุด) เพื่อให้แล้วเสร็จทันทดลองเดินเครื่อง ในต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า และ เริ่มการผลิตรถยนต์ 2 รุ่นแรกในเดือน มี.ค. ตามแผนการนำออกวางจำหน่ายตลาดในประเทศปลายปีนี้
การติดตั้งหุ่นยนต์ทั้งหมดดำเนินการโดยวิศวกรทั้งชาวต่างชาติและชาวเวียดนามเอง เรื่องนี้ดำเนินมาตั้งแต่เดือน ก.ย. และเร่งวันเร่งคืนหลังเสร็จสิ้นการเปิดตัวแนะนำรถต้นแบบ 2 รุ่นในงานปารีสมอเตอร์โชว์ 2018 คือ เอสยูวี SA2.0 กับ ซีดาน A2.0 LUX ดีไซน์ยุโรป บริษัทวินฟาสต์กล่าวว่าหุ่นยนต์ทั้งหมด จะทำให้โรงงานขนาดเนื้อที่ 100,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ในนครหายฝ่อง (Haiphong) เป็นแหล่งผลิตรถยนต์ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ฝ่ายบริหารของวินฟาสต์กล่าวว่า การเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์กับหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลทั้งหมดในโรงงานแห่งนี้ ตั้งอยู่บนแพล็ตฟอร์มวิศวกรรมศาสตร์ 4.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในโลกปัจจุบัน
วินฟาสต์มีกำหนดเดินสายทดลองการผลิตในวันที่ 3 ม.ค.2561 เริ่มผลิตรถตัวอย่างในเดือน มี.ค. และ ทำการทดสอบรถยนต์คันแรกวันที่ 3 พ.ค.ปีหน้า -- ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างรัดกุมแต่ทว่ารวดเร็ว ตามรางเวลาที่กำหนดล่วงหน้า โดยมีแผนออกทำตลอดในเดือน ต.ค. -- นั่นคือ อีกราว 11 เดือน
.
.
วินฟาสต์มีโรงงานอยู่ 2 แห่งภายในศูนย์อุตสาหกรรมแห่งเดียวกันนี้ และ เมื่อรวมกับอีก 3 แห่งในนครหายฝ่อง ก็จะรวมเป็นทั้งหมด 5 โรงงานด้วยกัน รวมทั้งโรงงานวิจัยและผลิตเครื่องยนต์ของตนเอง กับโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำคัญ -- นอกจากนั้่นยังมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จัดหาตามข้อตกลงกับบรรดาซัพพลายเออร์ หรือ ซัพพลายเชน ซึ่งเป็นผู้ผลิตจากแหล่งภายนอกอีกจำนวนมาก
แต่โรงงานที่สื่อไปเยี่ยมชมนี้เป็นแห่งใหญ่ที่สุด ที่นี่จะเป็นแหล่งขึ้นรูปและประกอบตัวถัง หรือ "บอดี้" ของรถ ซึ่งขึ้นชื่่อว่าเป็นขั้นตอนยากที่สุดในอุตสาหกรรมผลิตและประกอบรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทั่วทั้งลำตัวของรถทั้งสองรุ่น แต่ละคันมีจุดที่จะต้องเชื่อมเข้ากันกว่า 6,000 จุด -- หุ่นยนต์พวกนี้จะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นงานที่ง่ายขึ้น โดยมีการตรวจสอบคุณภาพเป็นระบบ 3D Scan ในทุกขั้นตอน
วินฟาสต์กล่าวว่าหุ่นยนต์รุ่นล่าสุดนี้ ทำให้โรงงานมีขีดความสามารถผลิตบอดี้ของรถได้ถึง 38 คันต่อชั่วโมง หรือ 250,000 คันต่อปี
เป็นที่ทราบกันดีว่า วินฟาสต์ได้สิทธิบัตรจากบริษัทบีเอ็มดับลิวแห่งเยอรมนี เพื่อนำเครื่องยนต์เบนเซินขนาด 2.0 ลิตรรุ่นหนึ่ง ไปศึกษาวิจัยและต่อยอด ผลิตออกมาเป็นเครื่องยนต์ของบริษัทเวียดนามเอง การออกแบบรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ดำเนินการโดยบริษัทจากแคนาดาและอิตาลี
.
หลังจากรถเอสยูวีกับรถซีดานสองรุ่นนี้แล้ว วินฟาสต์มีแผนการผลิตรถยนต์นั่งที่มีขนาดเล็กลงอีกหลายรุ่น เพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยจะทยอยเปิดตัวแต่ละรุ่นต่อไป
นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมนี้่กล่าวว่า การปลุกปั้นรถยนต์ยี่ห้อใหม่ให้ได้รับการยอมรับจากตลาดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย และ อาจต้องใช้เวลานานนับสิบปี แต่บริษัทรถยนต์สัญชาติเวียดนามแห่งแรกนี้มีโอาสดีสำหรับการส่งออกรถคุณภาพดี ดีไซน์หรู แต่ราคายุติธรรมสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ภาษีศุลกากร นำเข้ารถยนต์ลดลงเหลือ 0% ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีแห่งอนุภูมิภาค
ผู้บริหารของวินฟาสต์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นในความภาคภูมิใจในชาติของตน กับ แนวคิดชาตินิยมของชาวเวียดนามกว่า 90 ล้านคนที่ฝังแน่นมายาวนาน -- ทุกคนจะมีโอกาสได้ใช้ยานพาหนะที่มีคุณภาพดี มีมาตรฐานทัดเทียมกับแบรนด์หรูของโลก ในราคาที่ต่ำกว่า.