MGR ออนไลน์ -- ฝันของชาวเวียดนามทั้งประเทศเป็นจริง และ ความใฝ่ฝันอันยาวนานของหญิงสาวคนหนึ่งก็กลายเป็นจริง -- เหวียน เฟือง แคง (Nguyễn Phương Khanh) สาวงามชาว จ.เบ๊นแจ (Ben Tre) แห่งที่ราบปากแม่น้ำโขง ได้กลายเป็นเจ้าของมงกุฏมิสเอิร์ธประจำปี 2561 (Miss Earth 2018) ในการประกวดที่ฟิลิปปินส์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอกลายเป็นข่าวใหญ่สำหรับชาวเวียดนามทั่วประเทศ ชื่อของเธอปรากฏในวงการต่างๆ ช่วงข้ามวันมานี้ แม้กระทั่งในบรรดากลุ่มคนที่ไม่เคยสนใจการประกวดความสวยความงามมาก่อน ก็ยังพูดคุยกันด้วยความอยากรู้
จากตำแหน่งรองอันดับ 2 สาวงามธิดาทะเลนานาชาติ (Vietnam Miss Sea Global 2018) เวทีเล็กๆ ในประเทศที่เกือบจะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อหลัก -- เฟือง แคง ได้รับเลือกจากคณะกรรมสรรหาชุดหนึ่ง ไปประชันบนเวทีระหว่างประเทศ และ ในที่สุดก็กลายเป็นสาวชาวเวียดนามคนแรก ที่สามารถคว้ามงกุฏได้สำเร็จ นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ วงการประกวดความสวยความงาม ที่ดำเนินมา 30 ปีในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
นับตั้งแต่มีการประกวดมิสเวียดนามครั้งแรกตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา สาวงามจากเวียดนามที่ออกไปประกวดในต่างแดนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเวทีไหนๆ ที่ผ่านมาไปได้ไกลสุดแค่รอบรองสุดท้าย 15-16 คนเท่านั้น ไม่ต่างกับรุ่นพี่ของเฟือง แคง บนเวทีแห่งเดียวกันนี้ปีที่แล้ว ที่ไปได้ถึงแค่ 16 คนในรอบรองสุดท้าย
หลายปีมานี้มีสาวงามชาวเวียดนามหลายคน เคยไปประสบความสำเร็จในการประกวดระดับภูมิภาค กลายเป็นเจ้าของมงกุฎเทพีท่องเที่ยว หรือ คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดนางแบบ แต่มิสเอิร์ธเป็นเวทีระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งใน 4 หรือ 5 เวทีใหญ่ของโลก ซึ่งตลอด 17 ปีที่ผ่านมามีการเฟ้นหาสาวงามจากโซนต่างๆ ของโลก ไปร่วมประชันกันในฟิลิปปินส์ และปีนี้่มีสาวงามจากประเทศและดินแดนต่างๆ รวม 90 คนด้วยกัน
เฟือง แคง ขึ้นเวทีขณะอายุกำลังจะย่างเข้า 24 ปี และด้วยความสูงเพียง 172 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 51 กิโลกรัม แต่ทว่าส่วนสัด 90/58/94 ของเธอนั้นนับว่างามเต็มวัย และ งามอย่างนางแบบแฟชั่นอันเป็นงานหนึ่งของเธออีกด้วย จนสามารถเอาชนะสาวสวยนักประกวดระดับมืออาชีพจากย่านอเมริกาใต้ทุกคน ถึงแม้ว่าสาวงามจากเวเนซูเอลาจะล้มป่วยลงกระทันหัน ไม่ได้ขึ้นเวทีในรอบสุดท้ายก็ตาม
.
.
.
.
.
ปัจจุบันกำลังเรียนชั้นปีที่ 3 สาขามาร์เก็ตติ้งที่มหาวิทยาลัยเคอร์ติน (Curtin University) ประเทศสิงคโปร์ สาวงามจากเวียดนามจึงตอบคำถามต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในบรรดาสาวตัวแทนจากประเทศนี้ เท่าที่เคยเดินทางไปประกวดในต่างแดน
เมื่อถูกถามว่า "อะไรเป็นปัญหากดดันมากที่สุดในยุคของคุณ" เฟือง แคง ตอบพิธีกรอย่างมั่นใจว่า “ประเด็นที่หนักหนาสาหัสมากที่สุดในยุคของหนูก็คือ ความไม่เอาใจใส่ เรามีเทคโนโลยีมากมาย เรากลับใช้โซเชียลมีเดียเพียงเพื่อตัวเอง เราควรจะใช้เวลาคิดและรับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกในขณะนี้ และ การกระทำเล็กๆ เมื่อคูณด้วยประชาชนจำนวนนับล้านๆ ก็จะสามารถเปลี่ยนโลกได้"
นี่คือคำตอบที่เอาชนะใจกรรมการสำหรับเวทีนี้มากที่สุด
ถึงแม้จะเสียเปรียบในด้านความสูง เฟือง แคง ก็อยู่ในสายตาของนักสังเกตุการณ์มาตั้งแต่วันแรก เมื่อการประกวดเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. -- พอผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ มาไม่นาน ในช่วงกลางเดือนนั้น เว็บไซต์ missosology.com ที่ชำนาญการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ได้จัดให้เธออยู่ในกลุ่ม 10 ตังเก็งสำหรับมงกุฏมิสเอิร์ธ
.
ในที่สุดสาวสวยชาวเวียดนามก็ทำให้สาวงามจากเม็กซิโก เป็นรองอันดับ 3 หรือ "มิสไฟร์" (Miss Fire) สาวชาวโคลอมเบียรองอันดับ 2 "Miss Water" และ สาวงามชาวออสเตรียจากโซนยุโรปกลายเป็นรองอันดับ 1 "Miss Air"
ก่อนจะถึงการประกวดรอบสุดท้าย ที่ Mall of Asia Arena ในเขตปาไซ (Pasay) กรุงมะนิลา คืนวันเสาร์ 3 พ.ย. สาวชาวเวียดนามได้รับรางวัลจากสปอนเซอร์ต่างๆ มาหลายรางวัล รวมทั้งรางวัลเทพีโรงแรมเปอร์โต ปรินเซซา เซ็นโตร (Miss Puerto Princesa Centro Hotel) Miss Robig Builders และ Miss Ruj Beauty Care & Spa -- ในคืนสุดท้ายเธอยังคว้าอีก 2 รางวัลดีเด่นคือ ชุดประจำชาติสวยที่สุด กับ ชุดราตรีงามที่สุด -- กับรางวัลรองชนะเลิศสาวงามในรอบชุดว่ายน้ำ
ประวัติความเป็นมาของมิสเอิร์ธคนใหม่ ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เห็นผ่านรอยยิ้มในช่วง 2-3 วันมานี้ เฟืองแคงเรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาตอนต้น ที่บ้านเกิดเมืองเบ๊นแจ ต่อมาปี 2552 คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน -- คุณพ่อซึ่งเป็นช่างไฟฟ้าไปมีครอบครัวใหม่ คุณแม่ของเธอย้ายไปตั้งถิ่นฐานในประเทศฝรั่งเศส ทำให้ต้องออกไปจากระบบเรียนอยู่ 2 ปี พยายามเรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อจะติดตามคุณแม่ไป
อย่างไรก็ตามพี่ชายคนเดียวได้ตัดสินใจนำเฟือง แคง พร้อมน้องชายอีกคนหนึ่งโยกย้ายไปยังนครโฮจิมินห์ ให้น้องทั้งสองเรียนต่อที่นั่นจนกระทั่งสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
.
.
.
.
เนื่องจากเรียนดีทั้งคณิตศาสตร์และภาษา-วรรณคดี จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ โดยทุนรอนของคุณแม่จากฝรั่งเศส และ จากพี่ชายที่เป็นเป็นเมคอัพอาร์ทิสต์ฝีมือดีในวงการอีกคนหนึ่ง -- เคยเป็นช่างแต่งหน้าของเหวียน หง็อก จีง (ตุ๊กตา) ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา "นางแบบร้อยล้าน" แห่งเวียดนาม
พี่ชายของเธอให้สัมภาษณ์ว่า น้องสาวเคยมีสิวเต็มใบหน้า แต่ได้รักษาด้วยยากับเครื่องสำอางค์สูตรเดียวกันกับของ "ตุ๊กตา" จนหายสนิท และ เรื่องนี้ได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญ -- สื่อในฟิปปินส์รายงานว่า สาวงามจากเวียดนามเป็นคนเดียว ที่ไม่ค่อยแต่งหน้าทางปาก เมื่อออกร่วมทำกิจกรรมต่างๆ หรือ ทำเมคอัพน้อยมาก เธอมักจะ "ปล่อยให้เห็นใบหน้าเปล่าๆ ที่สวยเนียน รับกับผิวกายที่ขาวนวลเนียนเป็นธรรมชาติอยู่เสมอๆ"
โดยส่วนตัวนั้นเฟือง แคง ก็เหมือนกันสาวเวียดนามอีกนับแสนนับล้าน ที่ใฝ่ฝันจะเข้าสู่วงการบันเทิงของประเทศ -- เนื่องจากใกล้ชิดกับพี่ชาย ก็จึงได้มีโอกาสฝึกฝนเดินแบบแฟชั่น และ เคยขึ้นเวทีมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เป็นเจ้าของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์ของเธอเอง และกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่มีการประกาศบนเวทีมิสเอิร์ธ ช่วงที่พิธีกรหญิงคนหนึ่งบอกเล่าประวัติความเป็นมาของเธอแบบสั้นๆ
เฟืองแคงเขียนในอินสตาแกรมของเธอว่า "หนูจำได้ดีตอนได้ดูการประกวดมิสเอิร์ธปี 2553 ในเวียดนาม ตอนนั้่นอายุ 15 ตั้งแต่นั้นมาก็ใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้เป็นตัวแทนเวียดนามไปขึ้นเวทีมิสเอิร์ธ"
สาวสวยร่ำไห้ในวินาที่สวมมงกุฏ -- ใครจะคิดว่าสิ่งที่ฝันเอาไว้เล่นๆ จะกลายเป็นจริงได้ในวันนี้่.