รอยเตอร์ - คณะกรรมาธิการยุโรปได้ยื่นขออนุมัติข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนามวานนี้ (18) ข้อตกลงทางการค้าอย่างครอบคลุมฉบับแรกของสหภาพยุโรปกับประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแห่งนี้
ข้อตกลงการค้าและการลงทุนสหภาพยุโรป-เวียดนาม จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 28 ประเทศ และจากรัฐสภายุโรป แม้สมาชิกบางส่วนได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม
ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบในข้อตกลงเกี่ยวข้องที่จะส่งเสริมสนับสนุนประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน รวมทั้งความมุ่งมั่น การเจรจา และมาตรการคว่ำบาตรที่เป็นไปได้ ซึ่งเซซิเลีย มัลม์สตรอม กรรมาธิการด้านการค้าสหภาพยุโรป ระบุว่า ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม
“เรากำลังเจรจาอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับคู่เจรจาเวียดนามของเรา และข้อตกลงการค้าจะไม่ทำให้เวียดนามกลายเป็นประชาธิปไตยเต็มใบเพียงช่วงข้ามคืน มันเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่เรามีอยู่ในความสัมพันธ์กับเวียดนามและประเทศต่างๆ” มัลม์สตรอม กล่าวแถลงข่าว
สหภาพยุโรปจะลงนามข้อตกลงการค้ากับสิงคโปร์ในวันศุกร์ (19) และกำลังเจรจาหารือกับอินโดนีเซีย ซึ่งต่างเป็นประเทศสมาชิกในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐสภายุโรป ที่คาดว่าจะอภิปรายและลงมติเกี่ยวกับข้อตกลงกับสิงคโปร์ รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-ญี่ปุ่น จะมีเวลาพอที่จะผ่านข้อตกลงกับเวียดนามก่อนการเลือกตั้งสหภาพยุโรปในเดือน พ.ค. หรือไม่
ข้อตกลงการค้าจะกำจัดร้อยละ 99% ของภาษีศุลกากรทั้งหมด ยกเว้นภาษีบางอย่างที่กำหนดด้วยช่วงเวลาและจำกัดผ่านโควตา เช่น เวียดนามจะตัดลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรปจาก 78% เป็นศูนย์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ไวน์และสุรา 7 ปี เป็นต้น ส่วนบริษัทจากสหภาพยุโรปจะสามารถเข้าร่วมประมูลและสัญญาภาครัฐของเวียดนามได้ ในทางกลับกัน สหภาพยุโรปจะยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามในระยะ 7 ปี เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้าและรองเท้า เป็นต้น
เวียดนามได้ให้คำมั่นที่จะปกป้องผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากท้องถิ่นเฉพาะของสหภาพยุโรป จำนวน 169 รายการ เช่น แชมเปญ หรือชีสพาร์มิจาโน่ เรกจิอาโน่ ที่หมายความว่าชื่อดังกล่าวสามารถใช้ได้กับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปเท่านั้น
ข้อตกลงยังรวมถึงประเด็นที่ว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การดำเนินการตามมาตรฐานสากลในด้านสิทธิแรงงาน และความตกลงปารีส ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.