รอยเตอร์ - การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างในกัมพูชา ส่วนหนึ่งสร้างขึ้นจาก “อิฐเลือด” ที่ผลิตโดยทาสยุคใหม่ ที่ใช้แรงงานขัดหนี้ในโรงงานผลิตอิฐ ตามการระบุของนักวิจัย
รายงานของนักวิจัยจากวิทยาลัยรอยัลฮอลโลเวย์ ลอนดอน ระบุว่า ความยากจนที่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลักดันให้ชาวเขมรหลายหมื่นครอบครัวกลายเป็นแรงงาน ที่ทำงานแลกกับการใช้หนี้ ผลิตอิฐเพื่อใช้ก่อสร้างในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศ
“ชาวเขมรที่ถูกผูกมัดด้วยหนี้สินหลายหมื่นครอบครัวต้องสกัด ขึ้นรูป และเผาดินเหนียวในสภาพที่อันตรายเพื่อตอบสนองความต้องการอิฐที่มีอย่างไม่สิ้นสุดของกรุงพนมเปญ” นักวิจัย กล่าว
“เจ้าของเตาเผาให้เงินกู้ และจ่ายหนี้ของเกษตรกร ขณะเดียวกัน เกษตรกรและครอบครัวของพวกเขาถูกบังคับให้เข้าสู่ภาวะผูกพันทางหนี้สินกับเจ้าของเตาเผาอิฐจนกว่าเงินกู้จะชำระครบ” รายงาน ระบุ
จากการสำรวจ ครอบครัวเหล่านี้ต้องจ่ายเงินกู้ระหว่าง 700-1,400 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 1,230 ดอลลาร์ ตามการระบุของธนาคารโลก
คนที่ถูกผลักดันเข้าสู่ภาวะหนี้สินมักมีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยว และผลักดันให้ครอบครัวเกษตรกรเข้าสู่ภาวะหนี้สิน
กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศมีมีความเสี่ยงมากสุดในโลกที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดของเอเชีย แต่ความไม่เสมอภาคยังคงปรากฏอย่างเด่นชัด เช่น อพาร์ตเมนต์ขนาด 2 ห้องนอนในเมืองหลวง ตั้งราคาขายที่ 260,000 ดอลลาร์ เป็นตัวเลขที่มากกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวกัมพูชากว่า 200 ปี รายงานระบุ
แรงงานรายงานว่า ความเจ็บป่วยเกี่ยวกับการหายใจมาจากการสูดดมควันจากเตาเผา และฝุ่นจากอิฐโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน และการได้รับบาดเจ็บ แขนขาพิการจากเครื่องจักรที่ไม่ปลอดภัย
เมื่อแรงงานที่ถูกผูกมัดด้วยภาระหนี้สินเหล่านี้ต้องรับการรักษาพยาบาล หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ พวกเขาต้องออกจากงานไปโดยไม่มีครอบครัวติดตามไปด้วยเพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะกลับมาทำงานต่อไม่หลบหนีไป รายงานระบุ
“เจ้าของเตาเผาได้แสดงให้เห็นว่ามีความชื่นชอบแรงงานแบบครอบครัวมากกว่าแรงงานเดี่ยว เพราะมีแนวโน้มที่จะหลบหนีน้อยกว่า” นักวิจัย ระบุ
รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานกัมพูชาออกคำแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนเตือนธุรกิจต่างๆ รวมทั้งกิจการเตาเผาอิฐ ไม่ให้ใช้แรงงานเด็ก และการแสวงประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น การผูกมัดด้วยภาระหนี้สิน
ด้านองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า มาตรฐานการทำงานในอุตสาหกรรมการก่อสร้างถูกละเลย ด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลมุ่งความสนใจไปที่อุตสาหกรรมการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภาคส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ.