เอเอฟพี - เวียดนามจำคุกบล็อกเกอร์ที่โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์บนเฟซบุ๊กเป็นเวลา 5 ปี โทษครั้งที่ 2 ที่บล็อกเกอร์รายนี้ได้รับในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ท่ามกลางการปราบปรามผู้เห็นต่างที่ทวีความรุนแรงขึ้นของรัฐบาลสายแข็งกร้าวของประเทศ
นักเคลื่อนไหว นักรณรงค์สิทธิมนุษยชน และบล็อกเกอร์ มากกว่า 50 คน ถูกจำคุกในปี 2561 ที่นับเป็นหนึ่งในการปราบปรามอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของประเทศ
ผู้สังเกตการณ์ ระบุว่า รัฐบาลสายอนุรักษนิยมที่เข้าบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2559 อยู่เบื้องหลังการปราบปรามดังกล่าว
โด่ กง เซวือง นักข่าวพลเมือง ใช้สื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นร้อนจำนวนมาก และถูกจำคุกจากการโพสต์เนื้อหาต่างๆ ที่รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์การทุจริตคอร์รัปชัน และข้อพิพาทที่ดิน
เซวือง ถูกตัดสินโทษจำคุก 5 ปี จากการใช้เสรีภาพประชาธิปไตยอย่างไม่ถูกต้อง ทนายความ กล่าว
“เซวือง ยอมรับว่ากำลังต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน และความอยุติธรรม และเรียกร้องให้สิทธิของประชาชนได้รับความเคารพ แต่เขาก็กล่าวว่า เขาไม่ได้ต่อต้านพรรคหรือรัฐ” ทนายความ กล่าว หลังศาลพิจารณาคดีอยู่เพียงครึ่งวันใน จ.บั๊กนีง ทางภาคเหนือของประเทศ
“พวกเขาตัดสินจำคุกเซวืองเหมือนเป็นการส่งสารเตือน” ทนายความ กล่าว
ปัญหาที่ดินถือเป็นประเด็นอ่อนไหวในเวียดนาม ที่ชุมชนเมืองกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการพัฒนากำลังส่งผลกระทบต่อครอบครัวคนยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท
เซวือง ถูกตัดสินจำคุกเมื่อเดือนก่อน เป็นเวลา 4 ปี ฐานขัดขวางความสงบเรียบร้อยของประชาชน จากการถ่ายภาพการบังคับไล่ที่ และโทษที่ได้รับล่าสุดนี้ทำให้ระยะเวลาการถูกจำคุกของเซวืองรวมเป็น 9 ปี
เช่นเดียวกับนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ในเวียดนาม ประเทศที่สื่ออิสระไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ทำให้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางหลักของเซวือง
แม้รัฐบาลคอมมิวนิสต์จะอนุญาต แต่ก็จับตาใกล้ชิดสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ฉบับใหม่ที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. จะใช้ตรวจสอบควบคุมบรรดาเนื้อหาต่อต้านรัฐบาลบนเว็บไซต์ และปิดปากนักวิจารณ์
กฎหมายฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้ผู้ให้บริการ เช่น เฟซบุ๊ก และกูเกิล ถอดเนื้อหา และมอบข้อมูลผู้ใช้งานหากได้รับคำร้องจากรัฐบาลให้กระทำเช่นนั้น แต่ทั้งเฟซบุ๊ก และกูเกิลไม่ได้ระบุว่า พวกเขาจะปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่
ผู้เห็นต่างอย่างน้อย 55 คน ถูกจำคุกในเวียดนามปีนี้ ตามข้อมูลของเอเอฟพี เพิ่มขึ้นจาก 29 คน ที่ถูกจับกุมเมื่อปีก่อนตามการรายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากล
กลุ่มสิทธิมนุษยชนวิตกว่า การปราบปรามอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์สายอนุรักษนิยมสุดโต่ง กำลังจะเป็นประธานาธิบดีในไม่กี่สัปดาห์นี้
จากการครองสองตำแหน่ง ทั้งการเป็นหัวหน้าพรรคและรัฐ เหวียน ฝู จ่อง จะกลายเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในประเทศ และนักวิเคราะห์ระบุว่า เขาจะเผชิญกับการต่อต้านแค่เพียงเล็กน้อยกับการดำเนินการวาระของตนเอง ซึ่งยังรวมถึงการปราบปรามการทุจรติคอร์รัปชันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ทางการกรุงฮานอยดูเหมือนมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้เห็นต่างทุกคนอยู่หลังกรงขัง ดังนั้น ประชาคมระหว่างประเทศจำเป็นต้องก้าวออกมาต่อต้านการปราบปรามระลอกใหม่นี้” ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชีย กล่าว.