MGR ออนไลน์ -- ภาพจากเหตุการณ์เรือรบจีนแล่นตัดหน้าเรือพิฆาตสหรัฐระยะประชิดในทะเลจีนใต้ ถูกนำออกเผยแพร่ในเว็บไซต์แห่งหนึ่งในช่วงข้ามวันมานี้ผ่านเว็บไซต์ เกี่ยวกับการสำรวจขุดเจาะพลังงานในทะเลแห่งหนึ่ง โดยไม่ได้บอกแหล่งที่มา แต่ได้รับการยืนยันว่าเป็นภาพเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย.จริง และ หลายฝ่ายแสดงความวิตกต่อพฤติกรรมของฝ่ายจีน ที่กล่าวอ้างน่านน้ำทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดเป็นของตนเองเพียงผู้เดียว
ภาพขาวดำจำนวนหลายภาพ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (วันพุธ 3 ต.ค.เวลาทางซีกตะวันออก) แสดงให้เห็นเรือรบจำนวน 2 ลำ แล่นประชิดกัน ภาพอีกจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็น นาทีที่เรือพิฆาตหลานโจว (Lan Zhou 170) แซงซ้ายขึ้นไป และ เอี้ยวลำปาดหน้าเรือพิฆาตเดคาตูร์ (USS Decatur, DDG 73) และ แสดงให้เห็นลำหลัง เบี่ยงหัวเรือหลบออกทางขวามือ เพื่อหลบเลี่ยงการชน
หนังสือพิมพ์แจแปนไทม์สรายงานในเว็บไซต์ว่า ภาพทั้งหมดได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวกองทัพเรือสหรัฐ -- เป็นภาพเหตุการณ์ในวันนั้่นจริง แต่แหล่งที่มาของภาพทั้งหมด ไม่ได้ไปจากกองทัพเรือสหรัฐ และ ไม่มีการเปิดเผยว่าเว็บไซต์การสำรวจขุดเจาะฯ แห่งนั้น ได้ภาพไปจากแหล่งใด -- ทั้งหมดเป็นภาพจากมุมสูง ที่แสดงให้เห็นว่าอาจถ่ายจากโดรนหรือเฮลิคอปเตอร์ ที่ยังไม่ทราบเป็นของฝ่ายใด
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.เรือเดคาตูร์ ได้แล่นเฉียดเข้าใกล้เกาะเทียม 2 แห่ง โดยอยู่ห่างประมาณ 12 ไมล์ทะเล (ราว 22 กิโลเมตร) -- นั่นคือหนึ่งในบรรดาเกาะหลายแห่ง ที่จีนถมทะเลสร้างขึ้นภายในอาณาบริเวณหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ที่เวียดนามครอบครองมาเป็นเวลานับร้อยปี -- แหล่งข่าวของแจแปนไทม์สกล่าวว่า เรือเดคาตูร์มุ่งหน้าไปทางนั้นเพื่อหลีกทางให้ไต้ฝุนกงเรย (Kong Rey) ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นทางทิศเหนือ
แต่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้กล่าวว่า "เกาะ" ทั้งสองเกาะที่จีนอ้างถึง เป็นเพียงสันทรายธรรมชาติ ไม่ใช่ "เกาะเทียม" ที่จีนสร้างขึ้น และไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ของจีนอยู่บนนั้น
.
กองทัพเรือสหรัฐแถลงว่า เรือพิฆาตชั้นอาร์ลีย์เบิร์ก (Arleigh-Burke) ลำดังกล่าว ซึ่งสังกัดกองทัพเรือที่ 3 (ชายฝั่งแปซิฟิก/ฝั่งตะวันตกของสหรัฐ) และ ถูกส่งไปประจำในแปซิฟิกตะวันตก กำลังอยู่ระหว่างการเดินทะเลเพื่อยืนยันเสรีภาพการเดินเรือในทะเลจีนใต้ ที่นานาประเทศถือเป็นน่านน้ำสากล ซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่ง ในการแข็งขืนต่อการประกาศครอบครองของจีนคอมมิวนิสต์โดยฝ่ายสหรัฐ
โฆษกสหรัฐกล่าวว่า พฤติกรรมของเรือรบจีน "เป็นอันตราย" และ ไม่ได้เป็นแบบ "มืออาชีพ" -- ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน ตอบโต้ว่าเรือรบสหรัฐล้ำเขตอธิปไตยของจีน แล่นวนรอบและยั่วยุ จึงได้ส่งเรือรบออกไป "ขับไล่" ให้พ้นจากน่านน้ำรอบเกาะดังกล่าว
เรือหลานโจวเป็นเรือต้นของเรือพิฆาตชั้นลู่หยาง 2 (Luyang II หรือ Type 052C) ขนาด 7,000 ตัน ยาว 1.5 เมตร กว้างสุด 17.2 เมตร กินน้ำลึก 6.1 เมตร ต่อออกมาทั้งหมด 6 ลำ ก่อนพัฒนาไปเป็น Type 052D หรือ "ลู่หยาง 3" ในระบบของนาโต้ ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นเรือ 7,500 ตัน ยาว 157 เมตร -- Type 052C ได้เชื่อเป็นเรือพิฆาตรุ่นแรกจีน ที่สามารถออกปฏิบัติการระยะไกลได้อย่างแท้จริง ถูกบรรจุเข้ากองทัพเรือตั้งแต่ปี 2548
เรือพิฆาตคู่กรณีของเรือสหรัฐ ติดระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง/ระยะไกลแบบ HHQ-9 และ ตามตัวเลขของจีนเองระบุว่า บรรจุทั้งหมด 48 ลูก ยิงจากท่อทรงกลมแนวตั้ง นอกจากนั้นยังติด อวป.นำวิถียิงเรือแบบ C-805 จำนวน 8 ลูก -- สามารถยิงโจมตีเป้าหมายบนบกได้ ติดปืนใหญ่เรือ 100 มม.แบบ 210 และ ติดปืนยิงเร็วระยะประชิด 30 มม. มีท่อยิงตอร์ปิโดจำนวน 6 ท่อ
ตามข้อมูลของตะวันตกนั้น เรือพิฆาตลู่หยาง 2 ติดตั้งระบบเรดาร์ตรวจไกลทางทะเล ที่ปฏิบัติการแบบ 360 องศา และ ฝ่ายจีนกล่าวว่ามีทั้งระบบเราดาร์ต่อต้านการหลบเลี่ยง หรือ Anti-Stealth Radar System รวมทั้งระบบเรดาร์แบบเดียวกันระบบ Aegis ของสหรัฐ -- ติดตั้งระบบควบคุมการยิงอาวุธที่ลอกเลียนไปจากระบบของธอมป์สัน ฝรั่งเศส กับ ระบบควบคุมที่ลอกไปจากของโซเวียต/รัสเซียอีกจำนวนหนึ่ง
.
นอกจากนั้นเรือ Type 052C ยังมีลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ ทีส่วนท้ายเรือ ได้ทั้ง Ka-27 รัสเซีย และ Z-9C "ฮาร์บิน" (Harbin) ที่ใช้ในภารกิจปราบเรือดำน้ำ
ส่วนเรือพิฆาตเดคาตูร์เป็นเรือชั้นอาร์ลีย์เบิร์คลำที่ 22 ของทั้งหมดเกือบ 80 ลำ ที่ประจำการอยู่ในปัจจุบัน และอยู่ในกลุ่ม "ไฟลท์ II" (อัปเกรดรุ่นแรก) ขนาด 8,400 ตัน (เทียบกับรุ่นปัจจุบัน "ไฟล้ท์ III ขนาด 9,800 ตัน) ยาว 154 กว้างสุด 20 ม. กินน้ำลึก 9.4 เมตร -- ทำความเร็วสูงสุด 36 กม./ชม. -- ช้ากว่าเรือพิฆาตหลานโจว ที่ทำความเร็วสูงสุด 39 กม./ชม. ทั้งนี้เป็นตัวเลขของฝ่ายจีน
อย่างไรก็ตามเรืออาร์ลีห์เบิร์ค ทันสมัยกว่าและติดระบบอาวุธที่ล้ำหน้ากว่าเรือพิฆาตคู่กรณีชนิดไม่สามารถเทียบกันได้ ทั้งระบบต่อสู้อากาศยาน ระบบยิงเรือและระบบสงครามใต้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสู้รบ Aegis ที่เป็นระบบเรดาร์ล้ำยุค เพื่อการป้องกันและตีโต้อัตโนมัติ โจมตีเป้าหมายได้พร้อมกันนับร้อยเป้าหมาย ในรุ่นที่ติดตั้งบนเรืออาร์ลีย์เบิร์ก กับเรือลาดตระเวณชั้นไทคอนเดโรก้า (Ticonderoga) "ไฟล้ท์" หลังๆ
ในเดือน ต.ค.2559 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อ ฝ่ายกบฏฮูติในเยเมน ยิงโจมตีเรือเรือพิฆาตเมสัน (USS Mason, DDG 87) ขณะแล่นอยู่นอกชายฝั่งเยเมนในทะเลแดง -- เชื่อกันว่าอาวุธที่ใช้เป็น อวป.นำวิถียิงเรือแบบ C 802 ผลิตในจีน (ราชนาวีไทยมีทั้ง C 801 และ 802) ที่อิหร่านส่งไปให้ฝ่ายกบฏในเยเมนใช้ -- การโจมตีล้มเหลว อาวุธจีนไม่สามารถเข้าถึงเรือพิฆาตสหรัฐได้ ผู้เชี่ยวชาญทางทหารวิเคราะห์กันว่า นั่นอาจจะเป็นครั้งแรกที่ระบบ Aegis ได้ทำงานในสภาพสู้รบจริงๆ
.
เหตุการณ์ยิงเรือพิฆาตสหรัฐ เกิดขึ้นเพียงข้ามสัปดาห์หลังจากฮูติใช้อาวุธชนิดเดียวกันนี้ ยิงเรือขนส่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ลำหนึ่งในน่านน้ำบริเวณใกล้เคียงกัน โดยยิงจากฐานยิงบนบก เรือของ UAE ไม่ได้ติดอาวุธ -- ไม่จมแต่กราบเรือกับบริเวณหัวเรือเสียหายหนักจาก "จรวดจีน" ต้องส่งซ่อมที่ประเทศกรีซในเดือนถัดมา
ฝ่ายสหรัฐแถลงอย่างเป็นทางการว่า เรือเมสันตรวจจับพบ อวป. "ไม่ทราบชนิด" จำนวน 2 ลูก ยิงเข้าใส่ และ ได้ใช้ "มาตรการตอบโต้" ทำให้ อวป.นำวิถีของฮูติ ไปไม่ถึงเรือเมสันและหล่นลงในทะเล -- แหล่งข่าวในกองทัพเรือเปิดเผยต่อเว็บไซต์ "ข่าวกองทัพเรือ" ว่า เรือเมสัน ตอบโต้ด้วย อวป.นำวิถีแบบ SM2 (Standard Missile 2) จำนวน 2 ลูก กับ อวป.นำวิถี ESSM (Evolves SeaSparrow/แบบเดียวกับบนเรือหลวงนเรศวร ราชนาวีไทย) อีก 1 ลูก
อาวุธสหรัฐชนิดหลังทำลาย C 802 ของฮูติไป 1 ลูก -- ที่เหลืออีก 1 ลูกไม่ทราบว่าอย่างแน่ชัดว่า ถูกทำลายโดย SM2 หนึ่งในสองลูก หรือ ตกทะเลไปด้วย "มาตรการตอบโต้" อื่น -- แหล่งข่าวกองทัพเรือสหรัฐกล่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวกองทัพ Stars and Stripes ที่เก่าแก่และได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในสหรัฐ รายงานในช่วงเดียวกันว่า อาจเป็นครั้งแรกที่ ระบบ Aegis ได้ทำงานจริง และ แหล่งข่าวกองทัพเรือกล่าวว่า เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ อวป.ทั้งสองชนิด คือ SAM2 และ ESSM ได้ทำหน้าที่ในสถานการณ์สู้รบ
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวของ "จรวด C 802" ยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าอาวุธจีนประสิทธิภาพต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ C 805 รุ่นที่ใหม่กว่ามีความเร็วในระดับซูเปอร์โซนิก ซึ่งในทางทฤษฎีนั้น ยิงทำลายหรือต่อต้านได้ยากกว่า
.
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงอีกครั้งหนึ่งเวลาต่อมา ปฏิเสธที่จะระบุว่าฝ่ายฮูติใช้อาวุธชนิดใดยิงเรือเมสัน ทั้งยังกล่าวอีกว่า -- ไม่ทราบว่าอาวุธโจมตีดังกล่าวหล่นลงทะเลเอง หรือ เพราะ "มาตรการตอบโต้" ที่ไม่เปิดเผยจากเรือรบสหรัฐ -- นอกจากนั้นก็ยังไม่ทราบเจตนาแน่ชัดอีกว่า ฮูติเล็งเป้าหมายไปที่เรือเมสัน หรือ เป็นเรือขนส่งของสหรัฐอีกลำหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่เรือเมสันจะต้องให้การปกป้องคุ้มครอง
นั่นคือปล่อยให้ทุกอย่างเกี่ยวกับระบบ Aegis ยังเป็นความลี้ลับต่อไป
ต่อกรณีล่าสุดที่เกิดกับเรือเดคาตัวร์ในทะเลจีนใต้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฝ่ายสหรัฐกล่าวว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝ่ายจีนปฏิบัติการแบบ "ไม่ใช่มืออาชีพ" และ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ปลายปี 2556 เรือคาวเพนส์ (USS Cowpens, CG 63) ซึ่งเป็นเรือลาดตระเวณชั้นไทคอนเดโรกา ขนาด 9,600 ตัน เคยต้องแล่นหลบมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเรือยกพลขึ้นบกจีนลำหนึ่ง หยุดแล่นแบบกระทันหัน ห่างจากเรือคาวเพนส์ไปข้างหน้าเพียง 46 เมตร ในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน
แต่โฆษกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแถลงเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2556 เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า เรือรบสหรัฐลำดังกล่าว "ติดตาม รบกวนการแล่นในขบวนของเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง คุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยทางทหารของจีน".